Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
"พีระพันธุ์" ชี้ "ยุบสภาเร็วกว่ากำหนด" ยัน รทสช. พร้อมเลือกตั้ง

"พีระพันธุ์" ชี้ "ยุบสภาเร็วกว่ากำหนด" ยัน รทสช. พร้อมเลือกตั้ง

8 พ.ย. 68
20:27 น.
แชร์

"พีระพันธุ์" ชี้ มีโอกาสสูง ยุบสภาเร็วกว่ากำหนด ยัน รทสช. พร้อมเลือกตั้ง ชู "ประหารชีวิต" นักการเมืองคุ้มครองทุนเทา เสนอทำ รั้วลวดหนาม แก้ปัญหาชายแดน

(8 พ.ย. 2568) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ "สยามรัฐสัปดาหวิจารณ์" ที่ออกอากาศทางช่องยูทูบ Siamrathonline

นายพีระพันธุ์ ได้ประเมินสถานการณ์การเมืองในปัจจุบันว่า แม้รัฐบาลจะมีกรอบกำหนดการยุบสภาฯตามข้อตกลง MOA ที่นายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล ประกาศไว้ว่าจะเป็นช่วงปลายเดือนมกราคม 2569 แต่สถานการณ์ทางการเมืองไม่ได้ขึ้นอยู่กับข้อตกลงเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และความมั่นใจทางการเมืองด้วย

นายพีระพันธุ์ เชื่อว่านายกรัฐมนตรี เริ่มไม่มั่นใจในการสนับสนุนจากพรรคประชาชนแล้ว โดยเฉพาะหากมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งหากความมั่นใจลดลง สถานการณ์รุมเร้าและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และมีเรื่องเกี่ยวโยงกับคนในภาครัฐบาลมากขึ้น ดังนั้น หากปล่อยให้มีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้วยุบสภาไม่ได้ จะเป็นสถานการณ์ที่ลำบากกว่าในปัจจุบัน จึงเชื่อว่ามีโอกาสสูงที่จะมีการยุบสภาเร็วกว่ากำหนด

นายพีระพันธุ์ ได้กล่าวถึง การประชุมใหญ่วิสามัญของพรรค เมื่อวันที่ 2 พ.ย. 2568 ที่ผ่านมา ซึ่ง นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ยังคงได้รับความไว้วางใจให้เป็นหัวหน้าพรรคต่อไป นายพีระพันธุ์ระบุว่า การปรับโครงสร้างครั้งนี้เกิดขึ้นเนื่องจากอดีตเลขาธิการพรรคและกรรมการบริหารพรรคอีก 1 ท่านลาออก ทำให้มีตำแหน่งว่างลง 2 ตำแหน่ง ขณะเดียวกัน ก็มีบุคคลที่มีศักยภาพเข้ามาเสริมทัพ เช่น นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ซึ่งร่วมงานกันมาสักพักแล้ว และนายนราพัฒน์ แก้วทอง ซึ่งเป็นนักการเมืองที่มีคุณภาพและประสบการณ์สูง

นายพีระพันธุ์ แสดงความตั้งใจลาออกเพื่อเปิดโอกาสให้มีการปรับคณะกรรมการบริหารพรรคทั้งหมด แต่ที่ประชุมมีมติให้ทำหน้าที่หัวหน้าพรรคต่อ ทั้งนี้ ตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคได้ลดลงจากเดิมที่มี โดยเน้นให้แต่ละคนมีภารกิจหน้าที่รับผิดชอบด้วย สำหรับจุดยืนและนโยบาย พรรครวมไทยสร้างชาติ ยืนยันสโลแกน "มาทำงาน ไม่ได้มาเล่นการเมือง"

นายพีระพันธุ์ยกตัวอย่าง การทำงานเมื่อครั้งเป็นรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานที่สามารถตรึงราคาค่าแก๊สได้ตลอด และตรึงค่าไฟในปี 2567 ได้ จากการปรับปรุงทำให้ค่าไฟยันไว้ที่ 4.18 บาท จากเดิม 4.70 กว่าบาท ซึ่งมีการคำนวณว่าช่วยประหยัดเงินประชาชนไปได้กว่า 270,000 ล้านบาทในปี 2567 และในปี 2568 ได้มีการปรับลดค่าไฟอย่างต่อเนื่องจาก 4.18 เหลือ 4.15 บาท และ 3.98 บาท ล่าสุดอยู่ที่ 3.94 บาท ตนเชื่อว่าการเข้ามาแก้ปัญหาเหล่านี้คือสิ่งที่พรรคต้องการทำ

นอกจากเรื่องพลังงานแล้ว นายพีระพันธุ์ กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาทุนเทาที่ผิดกฎหมาย เช่น การฟอกเงิน, การฉ้อโกง ต้องอาศัยการบูรณาการกฎหมายหลายฉบับ แต่ปัญหาหลักคือ กฎหมายปัจจุบันมักจัดคดีเหล่านี้เป็นความผิดฐานฉ้อโกงธรรมดา ซึ่งมีโทษเบาและยอมความได้ ต่างจากความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนซึ่งมีโทษหนักกว่า แต่คดีหลอกลวงทางโทรศัพท์ส่วนใหญ่ไม่เข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน

ดังนั้น หากพรรครวมไทยสร้างชาติ มีโอกาสเข้ามาบริหาร จะต้องมีการปรับปรุงขบวนการทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง และจำเป็นต้องออกกฎหมายใหม่เพื่อการนี้โดยเฉพาะ เช่นเดียวกับที่สิงคโปร์ได้ออกกฎหมายพิเศษแล้ว กฎหมายใหม่นี้จะช่วยให้สามารถสนธิกำลังและกำหนดให้ผู้ที่เกี่ยวข้องต้องพิสูจน์ตัวเอง รวมถึงการลงโทษผู้สนับสนุน เช่น ผู้ให้ที่พักพิง ซึ่งปัจจุบันไม่ถือว่ามีความผิดชัดเจน

การแก้ปัญหานี้ต้องรู้จริง มีความสามารถ และตั้งใจทำจริง และต้องแก้ระบบที่ไม่ทันสถานการณ์ เพราะเมื่อปริมาณคดีเพิ่มขึ้นมาก แต่กำลังเจ้าหน้าที่ยังเท่าเดิม ทำให้ไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมเสนอว่าผู้ที่มีส่วนกระทำความผิดหรือมีอำนาจคุ้มครองกลุ่มทุนเทาควรถูกลงโทษขั้นประหารชีวิต

"ปัญหาคือระบบบ้านเราไม่แก้ให้ทันสถานการณ์ ยกตัวอย่าง การจับกุมคนจีน 40 ถึง 50 คนพร้อมโทรศัพท์กว่า 200 เครื่อง ที่รีสอร์ทจังหวัดจันทบุรี บางคนไม่มีพาสปอร์ตและแสตมป์ตราเข้าเมือง แล้วให้เข้าพักได้อย่างไร เจ้าของสถานที่ต้องรับผิดชอบด้วย แต่ปัจจุบันคนที่ให้ที่พักไม่มีความผิด หากมีกฎหมายพิเศษครอบคลุมเหมือนเมืองจีนก็จัดการได้ แต่เราไม่มี รวมถึงในทางการเมืองยังมีคนมีอำนาจเข้ามาให้การคุ้มครอง และตัวเองก็มีส่วนในการกระทำความผิด ผมถึงได้เสนอการประหารชีวิตเรื่องทุจริต ผมเป็นคนแรกที่พูด เดี๋ยวนี้ก็พูดตามผมกันหมด แต่รู้ไหมว่าทำอย่างไร ผมจะทำให้ดู" นายพีระพันธุ์ กล่าว

นายพีระพันธุ์แสดงจุดยืนด้านนโยบายความมั่นคง โดยเฉพาะประเด็นปัญหาชายแดนไทยกับกัมพูชา โดยกล่าวว่า ถึงเวลาที่ประเทศไทยต้องมีความเด็ดขาดและต้องหมดเวลาที่ต้องเกรงใจ เนื่องจากเหตุการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ฝ่ายไทยไม่ได้เป็นผู้เริ่มต้น แต่การกระทำ เช่น การเซ็นสัญญาสันติภาพ อาจทำให้ไทยดูเหมือนเป็นผู้ร่วมผิดด้วย ทั้งที่ฝ่ายกัมพูชายิงเข้าใส่พื้นที่ประชาชน การพูดหรือการกระทำใด ๆ ต้องระมัดระวัง เพราะคำพูดเหล่านี้อาจถูกนำไปใช้ประโยชน์ได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการรักษาแผ่นดินไทยและอธิปไตยไทยไว้สูงสุด

"ท่านนายกฯ พูดว่าที่เรารุกพื้นที่ก็ต้องคืนให้เขา แต่ท่านก็แก้แล้ว พลาดแล้วก็ไม่เป็นไร แต่เราต้องระมัดระวัง ผมอภิปรายเรื่องนี้ตั้งแต่ปี 2550 ตั้งแต่คดีเขาพระวิหารที่มามีปัญหากันใหม่ ทุกอย่างที่เราทำเราพูด เขาเอาไปใช้ประโยชน์หมดเลย คำพูดแบบนี้ไม่ควรพูด ผมคิดว่าหมดเวลาที่ต้องเกรงใจ เราต้องเด็ดขาดในเรื่องปัญหาชายแดน และต้องรักษาแผ่นดินไทยอธิปไตยไทยไว้สูงสุด"

ส่วนปัญหาความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนใต้ นายพีระพันธุ์เสนอว่าแนวทางแก้ไขที่ดีที่สุดในวันนี้ คือ การทำรั้วลวดหนาม เพื่อป้องกันการหลบหนีเข้าออกประเทศเพื่อนบ้านของผู้ก่อการร้าย เหมือนที่เวียดนามเคยทำ ซึ่งจะช่วยให้ง่ายต่อการติดตาม ป้องกัน และการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังโดยต้องทำความเข้าใจถึงสาเหตุที่แท้จริง

นายพีระพันธุ์ได้ยกตัวอย่างประสบการณ์สมัยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งได้มอบหมายให้รองปลัดฯ ลงไปดูแลปัญหาภาคใต้ ปัญหาที่พบคือ การจับกุมจำนวนมากตามอำนาจหน้าที่แต่ละหน่วยงาน อาจมีผู้บริสุทธิ์ถูกจับกุมไปด้วย และการกำหนดวงเงินประกันที่สูงมาก ทำให้หัวหน้าครอบครัวที่ถูกจับกุมไม่สามารถประกันตัวได้ สถานการณ์นี้ได้ก่อให้เกิดเครือข่ายคู่สมรสของผู้ต้องขังขึ้นมาแนวทางแก้ไขคือ การให้ความเข้าใจกับครอบครัวว่าเจ้าหน้าที่รัฐไม่ได้มีเจตนากลั่นแกล้ง แต่เมื่อมีหลักฐานก็ต้องทำตามหน้าที่ และกระทรวงยุติธรรมจะเข้ามาช่วยเหลือตามหน้าที่เช่นกันเพื่อความยุติธรรม

นอกจากนี้ ได้มีการขออนุมัติเงินจากกองทุนยุติธรรม เพื่อช่วยเหลือผู้ต้องขังที่เชื่อว่าน่าจะเป็นผู้บริสุทธิ์ และสุดท้ายศาลจะยกฟ้อง ให้สามารถกลับไปดูแลครอบครัวได้ในระหว่างดำเนินคดี และมีการประสานงานกับศาลให้ใช้วิธีอื่นในการเป็นหลักประกันแทนเงินสด วิธีการนี้ทำให้ประชาชนเห็นภาพว่าหน่วยงานรัฐไม่ได้มีแต่การรังแก แต่มีหน่วยงานที่เข้ามาดูแลให้ความเป็นธรรมได้ ซึ่งสามารถลดความตึงเครียดในพื้นที่ได้

ในด้านเศรษฐกิจ พรรคสามารถช่วยให้ทุกคนประหยัดค่าใช้จ่ายได้ เช่นเดียวกับการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่เคยทำมา โดยสนับสนุนแนวคิดหลักคือ เศรษฐกิจแบบแบ่งปัน

เศรษฐกิจแบบแบ่งปันนี้ กำหนดให้ผู้ที่มีรายได้สูงต้องแบ่งปัน 3 สิ่งแก่สังคม คือ 1.แบ่งปันรายได้คืนสู่สังคม เมื่อมีกำไรมาก 2.แบ่งปันความรู้ โดยถ่ายทอดความรู้ที่มีในการทำธุรกิจ การทำมาหากิน หรือความรู้ด้านวิชาการ (เช่น การทำบัญชี) ให้แก่สังคม 3.แบ่งปันโอกาส โดยเฉพาะโอกาสในการทำมาหากินต่างๆ ที่สามารถมอบให้แก่ผู้ที่ขาดโอกาส

นายพีระพันธุ์ กล่าวเชิญชวนคนรุ่นใหม่และผู้ที่สนใจเข้าร่วมทำงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยหลังจากการเชิญชวนครั้งก่อนมีผู้สมัครเข้ามาแล้วกว่า 100 คน ตนเชื่อว่ายังมีคนจำนวนมากที่รักบ้านเมือง สนใจทำงานการเมืองอย่างจริงจัง และเบื่อหน่ายการเมืองรูปแบบเก่าๆ ที่มุ่งเน้นผลประโยชน์ จึงขอเชิญชวนคนที่มีอุดมการณ์เดียวกัน โดยมี DNA ที่สำคัญคือ มีความมุ่งมั่นตั้งใจทำงานเพื่อบ้านเมือง ไม่ได้เข้ามาเพื่อหาประโยชน์ให้ตัวเอง ไม่ใช่เข้ามาเพื่อยกระดับฐานะ หรือต้องการสถานะไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว

"ขอเชิญชวนคนที่สนใจทำงานการเมืองอย่างจริงจัง แล้วก็เบื่อการเมืองแบบเก่า การเมืองที่เข้าหาประโยชน์ ถ้าหากต้องการทำบ้านเมืองของเราให้ดีขึ้น ทำให้สังคมดีขึ้น มาทำงานการเมืองด้วยกัน เพื่อประโยชน์บ้านเมือง ประโยชน์ของประเทศชาติ มาร่วมทำงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่มีแนวทางเดียวกันที่ต้องการให้บ้านเมืองนี้ดีขึ้น" นายพีระพันธุ์ กล่าว

Advertisement

แชร์
"พีระพันธุ์" ชี้ "ยุบสภาเร็วกว่ากำหนด" ยัน รทสช. พร้อมเลือกตั้ง