
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ, นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์, พล.ท. อดุลย์ บุญธรรมเจริญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงข่าวสรุปผลการเข้าร่วมการประชุมอาเซียนซัมมิต ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์มาเลเซีย และการประชุมผู้นําความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเปค ที่เมืองคย็องจู ประเทศเกาหลีใต้
นายอนุทินกล่าวว่า การได้เข้าร่วมประชุมนี้ถือว่ามีความสําคัญและมีประโยชน์ต่อประเทศไทย ซึ่งตนจะต้องมารายงานประชาชนซึ่งถือเป็นผู้บังคับบัญชาของตน โดยได้พบกับผู้นําหลากหลายประเทศในการหารือทวิภาคี การหารือเต็มรูปแบบหรือการหารือแบบกึ่งทางการ ซึ่งเป็นที่น่ายินดีที่ผู้นําทุกประเทศได้กล่าวถวายความอาลัยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงและชื่นชมต่อ พระราชกรณียกิจและพระมหากรุณาธิคุณที่ท่านทรงมีต่อพสกนิกร มากว่า 70 ปี
อย่างไรก็ตาม จุดประสงค์ในการเดินทางไปร่วมประชุมเป็นการเปิดตลาดให้กับประเทศไทย ทั้งในสินค้าเกษตร การส่งเสริมการท่องเที่ยว การเพิ่มโควตาแรงงานไทยให้ไปทำงานมากขึ้น การเชิญชวนให้มาลงทุนด้านเทคโนโลยีรวมถึงธุรกิจใหม่ๆ ซึ่งทุกประเทศให้การตอบรับเป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังหาช่องทางเปิดโอกาสทางด้านการศึกษาให้เยาวชนไทย ไปฝึกอบรมหรือทํางานกับองค์กรในต่างประเทศ
ในทุกองค์ประชุม เรามีทีมที่จะกลับไปเจรจาต่อเพื่อให้ได้ผล เช่นการเจรจาสินค้าทางการเกษตร ให้พี่น้องเกษตรกรขายสินค้าได้ในราคาที่ดีขึ้น แรงงานมีทางเลือกในการทํางานมากขึ้น รวมถึงนักท่องเที่ยวเดินทางมาประเทศไทยมากขึ้น
"ภารกิจครั้งนี้ถือเป็นการนําประเทศไทยมาสู่เวทีโลกอีกครั้งหนึ่ง รัฐมนตรีสีหศักดิ์ใช้คําพูดกับผมว่าท่านนายกครับ วันนี้ประเทศไทยของเรากลับเข้ามาสู่จอเรดาแล้ว การกลับเข้ามาสู่จอเรดาร์ของโลกถือเป็นนิมิตหมายที่ดี อะไรก็ตามที่ปรากฏอยู่ในจอเรดาร์ หมายถึงเราจะได้รับความสนใจและให้ความสําคัญและเราต้องระมัดระวังตัวเราเองทําตัวเราเองให้มีความเข้มแข็งตลอดเวลา" นายอนุทินกล่าว
นายอนุทินยังระบุด้วยว่าตนได้พบผู้นําองค์กรระหว่างประเทศเช่นเวอร์แบงก์หรือซีอีโอ จาก บริษัท มหาชน ซึ่งได้ใช้โอกาสนี้สร้างความมั่นใจ ในการเข้ามาลงทุนขยายการผลิต ในประเทศ ซึ่งตนได้เน้นย้ำ ความมั่นใจ ความพร้อมในการรับข้อเสนอรวมถึงการอํานวยความสะดวก ซึ่งในปีหน้าประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเวิลด์แบงก์ IMF ที่กรุงเทพมหานคร เชื่อว่าจะได้รับโอกาสอีกมากมาย
อย่างไรก็ตาม ทางการค้าเราได้วางประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง 4 ด้าน คือ ความมั่นคงทางอาหาร, การขนส่งโลจิสติกส์, เทคโนโลยีด้านการสื่อสาร และเศรษฐกิจสีเขียวเพื่อความยั่งยืน
นายอนุทินยังกล่าวถึงการพบกับประธานาธิบดีเกาหลีใต้ว่าได้ขอโอกาสเพิ่มโควตาแรงงานที่ถูกกฎหมายเพื่อเปิดโอกาสให้คนไทยไปทํางานในจํานวนที่มากขึ้น และขอให้มั่นใจว่าแรงงานไทยจะได้รับการคุ้มครอง มีความมั่นคงในอาชีพ ไม่ต้องไปเป็นผีน้อยหลบซ่อน และเมื่อเกิดวิกฤตก็จะไม่ได้รับการดูแล ทําให้บางครั้งเสียชีวิต
ส่วนกรณีที่นักท่องเที่ยวไทยถูกปฏิเสธวีซ่าเข้าเกาหลีนั้นจะต้องดูการกรอกข้อมูลให้ถูกต้อง ซึ่งปัญหาที่ดูเหมือนเล็กน้อยก็ยังได้รับความสนใจในระดับผู้นําประเทศ
ขณะที่การพบกับนายกรัฐมนตรีของแคนาดา ได้พูดถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยว เพิ่มเที่ยวบินตรง รวมถึงความมั่นคงทางอาหาร สินค้าแปรรูปทางการเกษตร รวมถึงการแลกเปลี่ยนในเรื่องของระบบขนส่งที่ไทยใช้สินค้าของแคนาดามากพอสมควร
นอกจากนี้ยังมี การเจรจากับอีกหลายประเทศ ทั้งสิงคโปร์ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ซึ่งได้เน้นย้ำว่าประเทศไทยมีอาหารจํานวนมากควรจะปันส่วนหนึ่งเพื่อสํารองไว้ให้โลกหากเกิดวิกฤต ซึ่งสิ่งนี้เคยเกิดขึ้นในช่วงโควิด มีการขาดแคลนชุด PPE แต่ไม่วิกฤตเท่าอาหาร
สําหรับการเจรจากับเพื่อนบ้านมาเลเซีย มีการทบทวน FTA เพื่อลดอุปสรรคทางการค้าและความร่วมมือด้านอาหารฮาลาล การค้าการลงทุนในหลายด้าน ขณะที่การเจรจากับบรูไนเชื่อว่าไทยจะมีความสามารถในการผลิตแท่นขุดเจาะ ก๊าซธรรมชาติเพื่อลดต้นทุนการผลิต ซึ่งบรูไนให้ความสนใจ รวมถึง ศูนย์ข้อมูลดาต้าเซ็นเตอร์ เซมิคอนดักเตอร์ EV รถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงด้านสุขภาพ สอดคล้องกับกระทรวงพลังงานที่ต้องการผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในชุมชนทั่วประเทศไทย ซึ่งต้องใช้เทคโนโลยีจึงได้เชิญชวนประเทศต่าง ๆ เหล่านี้เข้ามาลงทุน
นายอนุทินยังได้เสนอให้มีการปรับอาชญากรรมข้ามชาติ โดยได้รับการตอบสนองอย่างดีจากประเทศจีน สหรัฐ แคนาดา เกาหลีใต้ และออสเตรเลีย เข้ามามีส่วนร่วมซึ่งประเทศเหล่านี้มีเทคโนโลยี และภัยเหล่านี้เป็นอันตรายต่อทุกประเทศในโลก
ยืนยันว่าการเจรจาของเราทุกเรื่อง เรายืนอยู่บนหลักการของความถูกต้อง และผลประโยชน์ของประเทศไทยเป็นสําคัญไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ ความมั่นคง ในการประชุมอาเซียนที่ตนได้ลงนาม แนวทางสันติภาพไทยกัมพูชาระบุเงื่อนไขที่ไทยต้องการอย่างชัดเจน รวมถึงกรอบความตกลงทางการค้าต่างตอบแทนกับสหรัฐอเมริกาเพื่ออํานวยความสะดวก การเจรจาภาษีและการลงทุนของระหว่างสองประเทศ และการทําบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือในการพัฒนาความหลากหลายห่วงโซ่อุปทานของแร่ธาตุสำคัญระดับโลก หรือ แร่แรร์เอิร์ธ ยืนยันว่าทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ที่เคร่งครัดของประเทศไทยไม่ใช่การให้สัมปทานหรือเอาแร่ไปขายเพียงอย่างเดียว
"ยืนยันว่าเราทําอย่างนี้เราทํากับกี่ประเทศก็ได้ เราไม่ต้องการเอาหินมาขายหินเราต้องการเอาหินมาขาย เพราะฉะนั้นเราต้องมีองค์ความรู้ มีเทคโนโลยีที่จะแปรสภาพ แปรรูป แร่ธาตุเหล่านี้ให้มีมูลค่าสูงสุด ขอทําความเข้าใจชัดเจนให้กับพี่น้องประชาชนที่ กังวลในเรื่องนี้ไม่ใช่เอกซ์คลูซิฟที่ทํากับคนใดคนหนึ่ง แต่เราเปิดโอกาสทํากับประเทศไหนก็ได้ที่สนใจ"
สวนประเด็นด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เราบาลานซ์ความสําคัญกับประเทศมหาอํานาจนั้น ตนได้หารือกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา รวมถึงประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของสาธารณรัฐประชาชนจีน ยืนยันว่าการประชุมเอเปคและการประชุมอาเซียน เราจะสร้างภูมิรัฐศาสตร์ที่แข็งแรงให้กับประเทศ เราเจอทั้งสหรัฐอเมริกาและจีนเรามีความร่วมมือที่ดีกับ แคนาดา เม็กซิโก ชิลี เปรู ซึ่งตนใช้เวลาในการพูดคุย กับผู้นําทุกประเทศและได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ทั้งมิตรใกล้และมิตรไกล แม้กระทั่งประเทศปาปัวนิวกินี ซึ่งในเดือนหน้าจะเดินทางเข้ามาเปิดสถานทูตในประเทศไทย
นอกจากนี้เรายังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ที่เป็นคู่ค้ากับประเทศเรามาอย่างยาวนาน ขอให้มั่นใจว่าประเทศไทยเราไม่ได้ ถึงจุดทางตันหรือมีจุดอัด ใดๆทั้งสิ้น วันนี้เราอยู่เฉยๆ อย่าหวังว่าคนจะวิ่งเข้ามา เราต้องวิ่งออกไปแล้วบอกว่าเรามีดี อะไรบ้าง เราต้องรักษาระดับความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกประเทศ มีทางออก มีทางเลือก ไม่ทําให้ประเทศเสียศักดิ์ศรีและทําให้รู้ว่าการที่เราอยู่ในประชาคมเดียวกับเขา ทําให้เกิดคุณประโยชน์ทั้งกับตัวเขาและตัวเรา เพราะไม่มีใครไม่อยากคบกับประเทศที่ไม่สามารถสร้างประโยชน์ให้กับเขาได้ เราจึงต้องมีความเข้มแข็งและแข็งแรงที่สุด
นายอนุทินยังย้ำว่าประธานาธิบดีสีจิ้นผิงให้ความสําคัญ และให้เวลาในการหารือทวิภาคีกับประเทศไทย ท่านยืนยันหลายครั้งว่าตอนนี้ประเทศจีนมีความพร้อมในการเสด็จเยือนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินี ทำให้ความสัมพันธ์ทางการทูต 50 ปีที่แน่นแฟ้นมากขึ้น นอกจากนี้ยังได้มีการลงนาม อาเซียน-จีน 3.0 ที่เราจะยืนยัน ให้จีนได้มั่นใจว่า ไทยจะไม่มีการเปิดคาสิโนหรือทําให้การพนันเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย ซึ่งทุกคนในที่นี้ได้เห็นปฏิกิริยาตอบสนองของประธานาธิบดีที่มีความพึงพอใจ ยืนยันว่าประเทศจีนไม่สามารถเข้ามาแทรกแซงนโยบายของไทยได้ แต่ขณะเดียวกันหากจีนพบว่านโยบายของไทยไม่ตอบสนองก็สามารถสั่งการให้คนของเขาไม่มาประเทศเรา ดังนั้นเมื่อประเทศของเราไม่มีข้อกังวลเรื่องคาสิโนจึงมีการสนับสนุนให้นักท่องเที่ยวกลับมาท่องเที่ยวยังประเทศไทย จึงเป็นการเคลียร์ความกังวลในเรื่อง และถือเป็นเหตุการณ์มงคลยิ่งสําหรับทั้งสอง เชื่อว่า ความสัมพันธ์และการท่องเที่ยวจะกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง
นายอนุทินยังระบุด้วยว่า ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามผลงานของเรา รัฐมนตรีทุกท่านได้ติดตามงานโดยตลอด ข้าราชการทุกคนทํางานอย่างหนักเชื่อว่าผลลัพธ์ในครั้งนี้จะเป็นที่น่าพอใจและจะมีการติดตามประสานงานต่อให้เกิดเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด และได้ทําในสิ่งที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นได้ เพราะเราเป็นมิตรที่ดี เชื่อว่าประตูหลายบานที่เปิดไว้ จะนํามาซึ่งคุณภาพชีวิตที่ดีของพี่น้องประชาชนชาวไทยและทําให้เศรษฐกิจของเราดีขึ้นมีความมั่นคงปลอดภัยในทรัพย์สิน เศรษฐกิจ และสังคม พร้อมย้ำว่าจะทําอย่างเต็มที่ เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ในทุกมิติให้คุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนชาวไทยมีความยั่งยืนตลอดไป
นายอนุทินยังกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า ต้องขอบคุณผู้บัญชาการทหารสูงสุดผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ ปลัดกระทรวงมหาดไทยอธิบดีกรมการปกครองผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้วที่ได้ร่วมกันทําให้สถานการณ์ชายแดน จังหวัดสระแก้วคลี่คลายไปในทางที่ดี ไม่ทําให้บรรยากาศของการปะทะกันของประชาชนทั้งสองฝ่ายเกิดขึ้น ซึ่งตนได้โทรศัพท์หารายบุคคล ติดตามลงไปดูด้วยตนเอง ไม่อยากให้เกิดการปะทะ ซึ่งระหว่างรัฐต่อรัฐยังพอเจรจาได้ แต่ระหว่างประชาชนเป็นสิ่งที่ยากที่จะทําให้เกิดความสงบ ทั้งนี้ขอขอบคุณนายวีระสมความคิดที่ให้ความร่วมมือและได้แสดงจุดยืน ขอยืนยันว่าเราจะใช้วิธีการทุกด้าน ทางด้านความมั่นคงกรอบเจวีซีอาร์วีซีจีบีซีที่จะทําให้ประเทศไทยของเราได้ผ่านพ้นและเกิดความสันติสุขสันติภาพในภูมิภาคของเรา
ส่วนประเด็นการให้สัมภาษณ์กรณีการรุกล้ำเขตแดนไทย-กัมพูชานั้น นายอนุทินกล่าวว่าต้องขอกราบขออภัยพี่น้องประชาชน ตนขอโทษตัวเองที่ผิดพลาดบกพร่องในการสื่อสารกับพี่น้องประชาชน ต่อจากนี้จะระวังไม่ให้เกิดขึ้นอีกในอนาคต ต้องขออภัยที่ทําให้หลายท่านเกิดความระแวงสงสัย แต่ยืนยันว่าจะไม่ทําให้ประเทศไทยของเราเสียดินแดนเสียอธิปไตยเสียเกียรติภูมิเสียศักดิ์ศรีพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนจะต้องมีความปลอดภัยจากข้อพิพาทระหว่างสองประเทศ ตนจะไม่ยอมให้เกิดความสูญเสียเพิ่มขึ้นอีกเป็นอันขาด
ส่วนการถอนกําลังของทั้งสองประเทศถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เนื่องจากเรามีการลงนามกับกัมพูชาในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งต่างคนก็ต่างปฏิบัติในการถอนรถถังจํานวน 2 คัน และกองทัพได้มีการเจรจากับฝ่ายกัมพูชาตลอดเวลาเพื่อกําหนดวิธีการทอนอาวุธ รวมถึงการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งมีประธานาธิบดีสหรัฐฯ และประธานอาเซียน เหมือนมีโลกทั้งโลกร่วมเป็นพยาน
ส่วนการขอยุทธภัณฑ์ทางทหาร ยืนยันว่าตนไม่ได้ยินว่ากองทัพออกไปขอยุทธภัณฑ์หรือการขอบริจาค เพราะไม่มีงบประมาณ แต่เมื่อเกิดเหตุนี่คือพลังของคนไทย ประเทศไทยรักษาอธิปไตยมายาวนาน มั่นใจว่ารบกับใครก็ไม่แพ้ เนื่องจาก คนไทยจะรวมหัวใจเป็นหนึ่งเดียวไม่ว่าเกิดเหตุอะไรก็ตาม และใครมีอะไรก็พร้อมที่จะนํามาช่วย แม้กระทั่งของคุณ กัน จอมพลัง ถือเป็นจิตสํานึกของคนไทยเมื่อไทยมีภัย ทุกคนพร้อมต่อสู้กับอริราชศัตรู
นายอนุทินยังย้ำด้วยว่า การเจรจาเป็นวิธีการแบบดั้งเดิมที่เรายังคงยึดและยืนยันว่ายังไม่มีการเปิดด่านหากมีจะต้องมีการขอประชาชนรัฐบาลจะต้องฟังพี่น้องประชาชน เราจะไม่เปิดด่านจนกว่าจะมั่นใจว่าภัยต่อความมั่นคงของชาติจะลดลงจนสามารถวางใจและควบคุมได้
พล.ท.อดุลย์ ยังกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า การถอนอาวุธจะมี 3 เฟส โดยเริ่มจากอาวุธทําลายล้างสูง มี AOT ของทั้งสองประเทศที่มีความเป็นกลางเข้ามา ซึ่งหากทําตามข้อตกลงในการถอนอาวุธและเก็บกู้ระเบิดเราก็จะประเมิน
นายอนุทินระบุเสริมว่า เราสงวนสิทธิ์ในการเป็นผู้ประเมินตามข้อตกลง เพราะจะไม่เอามนุษย์มากดดัน ซึ่งในเรื่องของการลี้ภัย มีกฎสากลอยู่ แต่ณ ปัจจุบันการส่งคืนทหาร กัมพูชาที่เราควบคุมตัว เมื่ออยู่กับเราแล้วไม่เกิดประโยชน์เราก็จะส่งตัวกลับไป
Advertisement