
เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2568 เวลา 21.30 น. (ตามเวลาท้องถิ่นมาเลเซีย ซึ่งเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง) นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยคณะ ประกอบด้วย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และนางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เดินทางถึงท่าอากาศยานทหารซูบัง (Subang Air Base) มาเลเซีย โดยมี ดาโต๊ะ ซรี โมฮาเม็ด คาเล็ด นอร์ดิน (Dato’ Seri Mohamed Khaled bin Nordin) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของมาเลเซีย ในฐานะผู้แทนรัฐบาลมาเลเซีย ให้การต้อนรับ
โดยในช่วงค่ำ นายกรัฐมนตรีจะรับฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 และการและการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง ณ โรงแรมที่พัก เพื่อเตรียมพร้อมเข้าร่วมการประชุมในวันพรุ่งนี้ (26 ตุลาคม 2568)
เวลา 23.15 น. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งเร็วกว่ากรุงเทพฯ 1 ชม.) นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์สื่อโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจภายหลังการรับฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง ณ โรงแรมที่พัก โดยสรุปสาระสำคัญดังนี้
นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงกำหนดการในวันพรุ่งนี้ (วันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม 2568) ซึ่งจะเข้าร่วมการพิธีเปิดการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง และการพบหารือกับประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา นายโดนัลด์ เจ ทรัมป์ (The Honorable Donald J. Trump) ซึ่งไทยจะใช้โอกาสนี้ ในการลงนามในสัญญาทางการค้า การพิจารณาอัตราภาษี ความร่วมมือทางการค้า ความมั่นคง รวมถึงประเด็นเรื่องสแกมเมอร์ที่คาดว่าจะมีการพูดคุยกัน ซึ่งตนเองจะเชิญประธานาธิบดีทรัมป์เยือนไทยอย่างเป็นทางการ
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการหารือกับประธานาธิบดีสหรัฐ ฯ แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ประมาณ 5 นาที จะสร้างความคุ้นเคย เชื่อว่าจะได้หารือกับประธานาธิบดีทรัมป์ ในการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ที่สาธารณรัฐเกาหลี ด้วยเนื่องจากไทยกับสหรัฐฯ มีตัวอักษรภาษาอังกฤษอยู่ติดกัน
“การร่วมลงนามในเอกสาร Joint Decoration ระหว่างไทยและกัมพูชา เพื่อกำหนดแนวทางการสร้างสันติภาพกับกัมพูชา ซึ่งการมาถึงจุดนี้ มีเงื่อนไขและข้อปฏิบัติที่ต่างฝ่ายต่างตกลงกัน แต่ในส่วนของการปฏิบัติจะต้องเริ่มจากฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตามเงื่อนไขสำคัญ 4 ข้อ ได้แก่ การถอนอาวุธหนัก การร่วมกันเก็บกู้ทุ่นระเบิด การปราบปรามสแกมเมอร์ และการแก้ปัญหาการรุกล้ำพื้นที่เขตแดน ซึ่งได้รับสัญญาณเชิงบวกจากฝ่ายกัมพูชาว่า เมื่อมีการลงนามแล้ว ทางฝ่ายกัมพูชาจะเริ่มดำเนินการตามเงื่อนไข 2 ข้อแรก โดยไทยจะเร่งดำเนินการในส่วนของไทยเช่นเดียวกัน เมื่อมั่นใจว่าต่างฝ่ายต่างปฏิบัติตามข้อผูกพันแล้ว ไทยก็จะส่งคืนเชลยศึก 18 คน โดยก่อนส่งคืนจะมีการตรวจสุขภาพ เพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่าไทยปฏิบัติตามอนุสัญญาเจนีวา หลังจากนั้นจึงมาหาแนวปฏิบัติต่อกันเพื่อให้ความเป็นภัยต่อกันลดน้อยลง ทั้งนี้ การลงนามในครั้งนี้เป็นการลงนามต่อหน้านายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน และสหรัฐฯ ในฐานะผู้ประสาน” นายกรัฐมนตรีกล่าว
สำหรับการประชุมอาเซียนในครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีมุ่งหวังใช้ไมตรีอาเซียนในการแก้ปัญหาที่ไทยเผชิญอยู่ เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชนคนไทย และสามารถสร้างสันติภาพในภูมิภาคนี้ ตลอดจนการขยายการค้า เศรษฐกิจ ความมั่นคง และความร่วมมือต่าง ๆ กับประเทศในภูมิภาคนี้
วันนี้ (วันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม 2568) เวลา 08.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งเร็วกว่ากรุงเทพฯ 1 ชม.) นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยภารกิจในวันนี้ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในช่วงเช้า เวลา 08.30 น. นายกรัฐมนตรีจะเข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง ซึ่งขับเคลื่อนแนวคิดหลัก “Inclusivity and Sustainability” ของการเป็นประธานอาเซียนของมาเลเซีย พร้อมทั้งเข้าร่วมพิธีมอบรางวัลอาเซียน (ASEAN Prize) ก่อนร่วมลงนามเอกสารเพื่อรับติมอร์-เลสเตเป็นสมาชิกอาเซียนอย่างเป็นทางการ ณ Exhibition Hall ชั้น G ศูนย์ประชุม Kuala Lumpur Convention Centre (KLCC)
นอกจากนี้ เวลา 09.45 น. นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการพบหารือทวิภาคีกับนายอันโตนิอู กุแตเรช (H.E. Mr. António Guterres) เลขาธิการสหประชาชาติ และพบหารือทวิภาคีกับนายแฟร์ดีนันด์ โรมูอัลเดซ มาร์โคส จูเนียร์ (H.E. Mr. Ferdinand Romualdez Marcos Jr.) ประธานาธิบดีสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ในเวลา 10.20 น. ตามลำดับ หลังจากนั้น เวลา 11.00 น. นายกรัฐมนตรีจะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 แบบเต็มคณะ (Plenary) และเป็นสักขีพยานในพิธีส่งมอบพิธีสารแก้ไขความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน (ATIGA) ฉบับที่ 2 ซึ่งสะท้อนถึงการขับเคลื่อนตลาดการค้าเสรีในภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง
เวลาประมาณ 12.00 น. นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการหารือทวิภาคีกับประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา นายโดนัลด์ เจ ทรัมป์ (The Honorable Donald J. Trump) ซึ่งจะเป็นโอกาสในการผลักดันประเด็นความร่วมมือที่สำคัญ โดยเฉพาะด้านการค้า และความมั่นคง รวมถึงการปราบปรามสแกมเมอร์ โดยภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายกรัฐมนตรีจะเข้าร่วมลงนามถ้อยแถลงผลการพบหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรไทยและนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชา ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย (Joint Declaration by the Prime Minister of the Kingdom of Cambodia and the Prime Minister of the Kingdom of Thailand on the outcomes of their meeting in Kuala Lumpur, Malaysia) โดยมีนายกรัฐมนตรีมาเลเซียและประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามดังกล่าว
Advertisement