
วันที่ 24 ต.ค. 68 นาย อิสระ เสรีวัฒนวุฒิ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า โพสต์เฟซบุ๊ก เล่าที่มาที่ไป ผ่านการพูดคุยกับ นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนไทย เสนอ “ปัญหาสแกมเมอร์และอาชญากรรมข้ามชาติ” กลายเป็น วาระเร่งด่วนของโลก
โดยนายอิสระ ระบุว่า วันนี้ได้พบกับ สส.รังสิมันต์ โรม ที่นครเจนีวา ในการประชุมสมัชชาสหภาพรัฐสภาโลกครั้งที่ 151 (IPU151) ครั้งนี้ สส.โรม ทำหน้าที่ในนามผู้แทนประเทศไทย เสนอให้ “ปัญหาสแกมเมอร์และอาชญากรรมข้ามชาติ” กลายเป็น วาระเร่งด่วนของโลก (Emergency Item) ถือเป็นเรื่องใหญ่ในเวทีนี้ เพราะร่างข้อมติลักษณะนี้ ไม่ได้ผ่านกันง่ายๆ ต้องได้รับเสียงสนับสนุนจากประเทศสมาชิกส่วนใหญ่ และผ่านการพิจารณาในชั้นคณะกรรมการหลายระดับ ทั้งเชิงกฎหมาย เนื้อหา และผลกระทบทางการเมืองระหว่างประเทศ
นายอิสระ ระบุว่า แต่การที่ประเทศไทยสามารถผลักดันให้เรื่องนี้ขึ้นสู่การอภิปรายได้สำเร็จ สะท้อนให้เห็นถึง “พลังของการทูตรัฐสภา (Parliamentary Diplomacy)” ที่แท้จริง คือการใช้เวทีระหว่างประเทศเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน และส่งเสียงในประเด็นที่กระทบต่อทุกประเทศโดยไม่ต้องเผชิญหน้าในเชิงการเมือง
พูดตรงๆ คือ… ไม่ได้ว่าประเทศไหนนะครับ แต่มีคนร้อนตัวอยู่ไม่น้อย นอกจากนี้ พรุ่งนี้ผมมีกำหนดจะเข้าพบ เลขาธิการสหภาพรัฐสภา (Secretary General of the IPU) เพื่อหารือเพิ่มเติมในประเด็นนี้ และแนวทางต่อยอดความร่วมมือระหว่าง IPU กับสถาบันพระปกเกล้า — โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้าน “นวัตกรรมประชาธิปไตย (Democratic Innovation)” และ “การเสริมสร้างธรรมาภิบาลข้ามพรมแดน (Cross-border Governance)” และที่น่ายินดีคือ เลขาธิการ IPU จะเดินทางมาเยือนประเทศไทยในวันที่ 7 พ.ย.นี้ เพื่อร่วมเป็นวิทยากรในงาน ประชุมวิชาการประจำปี สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 27 ณ อาคารรัฐสภา ตามคำเชิญของผม ถือเป็นโอกาสสำคัญในการแสดงบทบาทของประเทศไทยในฐานะ “คลังสมองด้านนิตบัญญัติของภูมิภาค”
นายอิสระ กล่าวว่า ในคลิปนี้ผมจะพาไปดูเบื้องหลังของการต่อสู้ทางความคิดในร่างมติฉุกเฉินว่ากว่าจะผ่านต้องเจออะไรบ้าง ใครคัดค้าน ใครสนับสนุน และไทยใช้กลยุทธ์ทางการทูตรัฐสภา แบบไหนในการสร้างฉันทามติมาหาคำตอบกันครับ ว่าทำไมเวทีรัฐสภาโลกแห่งนี้ ถึงเป็นมากกว่าการประชุม และทำไม “เสียงของไทย” ถึงเริ่มมีน้ำหนักมากขึ้นทุกครั้งที่เราก้าวขึ้นเวที
Advertisement