ภายหลังที่ประชุมรัฐสภามีมติรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ของพรรคภูมิใจไทยและประชาชน จากนั้น ที่ประชุมได้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ จำนวน 43 คน แบ่งเป็นสส. 31 คน สว. 12 คน แปรญัตติ 15 วัน
ส่วนใช้ร่างใครเป็นร่างหลักนั้น น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส. อุบลราชธานี พรรคภูมิใจไทย ได้เสนอ ให้ใช้ร่างของพรรคภูมิใจไทยเป็นร่างหลัก ขณะที่นายพิริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ก็ได้เสนอให้ใช้ร่างของพรรคประชาชนเป็นร่างหลัก
ทำให้นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้น อภิปรายว่าแม้ร่างของพรรคเพื่อไทย สมาชิกจะไม่รับหลักการเราก็เคารพมติ และเพื่อให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้เดินหน้าต่อไปตามเจตนารมย์ของทุกฝ่าย พรรคเพื่อไทยยินดีที่จะ รับประกันของพรรคประชาชนเพื่อให้นำหลักการดังกล่าวไปสู่การเปลี่ยนแปลงในทางการเมือง และขอให้สมาชิกรัฐสภาทำงานโดยอิสระ สำหรับคนที่เป็นกรรมาธิการอย่าให้สีใดสีหนึ่งมาครอบงำประเทศไทย
จากนั้นได้ลงมติว่าจะใช้ร่างใดเป็นร่างหลัก โดย ถ้าต้องการใช้ร่างของนายอนุทินเป็นหลักกดปุ่ม ไม่เห็นด้วย ถ้าต้องการใช้ร่างของนายพริษฐ์เป็นหลักกดปุ่มเห็นด้วย ผลปรากฏว่า ที่ประชุมเห็นด้วย 292 ไม่เห็นด้วย 297 งดออกเสียง 15 ถือว่าที่ประชุม ใช้ร่างของนายอนุทินเป็นหลัก แต่ที่ประชุม ยังไม่ยินยอมขอให้ประธาน เนื่องจากมีทั้งการเสียบบัตรและขานชื่อ พอการประชุมที่ผ่านมามีปัญหามาแล้วอยากให้ประธานจึงอยากให้ประธานโหวตใหม่อีกครั้ง
นายวันมูหะมัดนอร์ ชี้แจงว่าตามข้อบังคับการประชุม การที่จะให้นับใหม่ในกรณีที่คะแนนแตกต่างกันไม่มาก หากจะให้นับด้วยการขานชื่อ ทำให้นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เสนอญัตติให้นับคะแนนใหม่ด้วยการขานชื่อ แต่นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย โต้แย้งว่า การนับคะแนนใหม่คือการเอาคะแนนมานับใหม่ไม่ใช่การลงมติใหม่ ระหว่างนี้ที่ประชุมมีการถกเถียงกันอย่างดุเดือด
ขณะที่นายจุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์ สส. เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย สนับสนุนให้มีการลงคะแนนใหม่ ด้วยการขานชื่อเพราะร่างที่เราสนับสนุนเป็นร่างที่ใกล้เคียงกับร่างของพรรคเพื่อไทยมากที่สุด
ทำให้นายกรวีร์ เสนอญัตติไม่ต้องนับคะแนนใหม่ นายวันมูหะมัดนอร์ วินิจฉัยให้นับคะแนนใหม่ด้วยการขานชื่อ
Advertisement