วันนี้ (8 ตุลาคม 2568) ที่ศาลาประชาคม หมู่ 3 บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ทางผู้ว่าฯ สระแก้ว มีนัดล้อมวงทานข้าวเย็น ก่อนเส้นตาย 10 ตุลาคมที่ครบกำหนดจัดการชาวกัมพูชารุกล้ำแผ่นดินไทยโดยหลังร่วมโต๊ะกินข้าวกับชาวบ้านและทุกฝ่ายราว 1 ชั่วโมง นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ลุกขึ้นกล่าวกับชาวบ้านที่มาทานข้าววันนี้ว่า ว่าเช้าวันนี้ 8 ตุลาคม ดูข่าวเห็นสื่อมวลชนไปสัมภาษณ์ชาวบ้าน “บ้านหนองจาน-บ้านหนองหญ้าแก้ว” ที่เอาวัวไปเลี้ยงตามธรรมชาติไม่ได้ เพราะสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างไทย-กัมพูชา ที่เกิดขึ้น จึงต้องกันแนวบริเวณ ศรีเพ็ญ-โคกสูง-อรัญประเทศ ทำให้พี่น้องที่มีวัว ประมาณ 800 ตัว ปล่อยให้กินหญ้าตามธรรมชาติไม่ได้ จึงได้ประสานไปยังอธิบดีกรมปศุสัตว์ ให้นำหญ้าอาหารสัตว์ 8 ตัน มาให้เกษตรกรบ้านหนองจาน เพราะถือว่าเป็นอาชีพที่มีความสำคัญกับชาวบ้าน
ส่วนกรณีขีดเส้นตายวันที่ 10 ตุลาคม 2568 เกิดขึ้นมาได้จากการประชุม JBC ที่ผ่านมา ซึ่งมีการเสนอให้ผู้ว่าฯ สระแก้วคุยกับผู้ว่าฯ จังหวัดบันเตียเมียนเจย ทางฝ่ายไทยจึงเสนอให้ฝ่ายกัมพูชาว่าต้องผลักดันชาวกัมพูชาที่อาศัยอยู่พื้นที่ “บ้านหนองจาน” กลับประเทศของตน โดยวันสุดท้ายคือ วันที่ 10 ตุลาคม 2568 หรือ ต้องส่งแผนอพยพชาวกัมพูชามาให้ฝ่ายไทย ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาฝ่ายกัมพูชา เพิกเฉยต่อข้อเสนอฝ่ายไทยมาโดยตลอด จึงเป็นที่มาที่ไปของการขีดเส้นตายวันที่ 10 ตุลาคม 2568
พร้อมย้ำว่า หากตนไม่ทำงานคงไม่มีเส้นตายวันที่ 10 ตุลาคมที่จะถึงนี้ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นความขัดแย้งปัญหาระดับชาติ ทุกกระบวนการเราทำแบบเปิดเผย เคารพต่อข้อตกลงสัญญา จะเอาแต่ความมันอย่างเดียวไม่ได้ หากจะเอารถไถไปไถบ้านเรือนของเขาก็ทำไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ขอให้เชื่อมั่นฝ่ายไทย การขีดเส้นตายในวันที่ 10 ตุลาคม 2568 ไม่ได้หมายความว่าต้องใช้ความรุนแรงกับประชาชนชาวกัมพูชาที่อยู่ในหมู่บ้านหนองจาน “แต่มันหมายความว่าหมดเวลาที่จะคุยกับฝ่ายกัมพูชา” “หากไม่มีเส้นตาย ก็ไม่รู้ว่าจะลงมือเมื่อไหร่หลังจากวันที่ 10 ถ้าไม่ออกเดี๋ยวมีเรื่อง”
ด้านพันเอกชัยณรงค์ กาสี ผบ.ฉก.12 กองกำลังบูรพา ขอยืนยันว่า ”ในนามของกองทัพบกและกองทัพภาคที่ 1 และกองกำลังบูรพา ทหารมีหน้าที่ในการรักษาอำนาจอธิปไตย แล้วเราจะทวงคืนแผ่นดินที่ถูกยึดกลับคืนมาให้ได้ ขอให้พี่น้องเชื่อมั่น แต่ช่วงเวลานั้นยังแจ้งไม่ได้ แต่ทุกอย่างได้เตรียมการไว้หมดแล้ว“
ขณะที่นางสาวศิริพร ทิพยสุข” อายุ 45 ปี หนึ่งในแกนนำมวลชนบ้านหนองจาน เป็นชาวจังหวัดปราจีนบุรี ที่มีบ้านอยู่สระแก้ว ซึ่งนางศิริพร ก่อนหน้านี้เคยแสดงออกความคิดเห็นในเชิงตำหนิผู้ว่าฯไปหลายครั้ง เจ้าตัวบอกว่าวันนี้อยากจะถือโอกาสขอโทษผู้ว่าฯโดยที่ไม่ได้มีใครร้องขอและไม่ได้มีใครบังคับ
ก่อนที่เจ้าตัวยกมือไหว้ แล้วบอกว่าที่ผ่านมาคือการด่าแทนประชาชนคนไทยที่รักชาติ และมองว่าก่อนหน้านี้ผู้ว่าไม่ได้ทำงานอะไรเลย แต่เมื่อมีโอกาสได้พูดคุยกับผู้ว่าฯ ก็รู้สึกว่าท่านทำหน้าที่ของท่านได้เต็มที่ บางอย่างตนเป็นประชาชนอาจจะไม่เข้าใจในขั้นตอนการทำงาน
แต่ตอนนี้หลังจากตนได้มาคลุกคลีตรงบ้านหนองจาน ได้คุยกับพ่อแม่พี่น้องและสื่อมวลชน รวมถึงหลายหน่วยงาน บวกกับติดตามข่าวสารบ้านเมือง ก็เลยตัดสินใจโทรไปหาผู้ว่าฯ เพราะด้วยความกังวลเรื่องของวันที่ 10 ตุลาคม ด้วยการค้นหาเบอร์ของผู้ว่าฯผ่านกูเกิลเพราะอยากจะเคลียร์ใจและพิสูจน์ว่าผู้ว่าฯ เป็นอย่างที่ตัวเองเข้าใจไหม
วันนี้ตนจึงขอโอกาสบอกว่า “อะไรที่เข้าใจผิด ก็ขอโทษท่านผู้ว่าฯ และขอให้ท่านผู้ว่าฯทำตามสิ่งที่ที่พูดไว้ให้ได้ และประชาชนคนไทยฝากพื้นที่ประเทศไทยตรงชายแดนไว้กับผู้ว่าฯและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เอาแผ่นดินไทยกลับขึ้นมาให้ได้ แต่ถ้าไม่ได้เดี๋ยวเราอาจจะมีเรื่องกัน”
จากนัันผู้ว่าฯ สระแก้วก็บอกว่า ”แต่ผมขอมีเรื่องกับฝั่งโน้น(เขมร)ก่อน“ ก่อนที่จะมีการยกมือไหว้และจับมือเคลียร์ใจกันท่ามกลางบรรยากาศที่มีรอยยิ้ม
ต่อมา ”นางศิริพร“ บอกว่า ”ตอนนี้ประชาชนคนทั้งประเทศรอ นอกจากรอผู้ว่าฯแล้ว ยังรออีกหลายหน่วยงานที่จะจัดการกับเขมรและทวงแผ่นดินไทยกลับคืนมา และบอกต่อว่า ”ค่อยโกงทีหลัง ขอให้เอาประเทศไทยกลับมาให้ได้ก่อน อย่าให้เป็นของเขมร ขอให้ทิ้งผลประโยชน์ของตัวเองก่อน เอาประเทศไทยเรากลับมาก่อน“
ทางผู้ว่าฯก็รับปาก บอกว่า ได้ ขอให้ทุกท่านเชื่อมั่นในนายกอนุทินด้วย เพราะท่านเชื่อมั่นให้กระทรวงกลาโหมและกระทรวงการต่างประเทศทำงาน แล้วส่วนในภาคของจังหวัด ทางผู้ว่าฯจะเร่งดำเนินการให้เต็มที่
นอกจากนี้มีชาวบ้าน ก็ได้บอกว่าตนเชื่อว่านายกตั้งใจจะยึดแผ่นดินไทยกลับมาจากกัมพูชาและอยากฝากขอบคุณท่านนายกด้วย
เมื่อทีมข่าวสอบถามกับ “นางศิริพร” ว่า ในวันที่ 10 ตุลาคมนั้น จะยังมารวมตัวกันที่บ้านหนองจานไหม? เจ้าตัวยืนยันว่ามวลชนจะยังคงมา แต่เป็นการให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ออกมาทำงาน โดยการสนับสนุนเสบียงน้ำข้าวปลาอาหารเพื่อเป็นกำลังใจ เพื่อแสดงพลังความรักชาติ และยืนยันว่าไม่มีการเข้าไปประชิดเข้าไปในพื้นที่ที่มีการหวงห้าม/และเชื่อว่าทุกคนที่จะมาในวันที่ 10 ตุลาคม เป็นประชาชนที่มาให้กำลังใจ ที่มาทั้งตัวและหัวใจรักชาติโดย ทุกคนจะไม่พกอาวุธมา จึงอยากให้ทุกคนรักประเทศไทยให้มากๆ อะไรที่ไม่ดีทิ้งไปก่อน
และในช่วงท้ายพันเอกชัยณรงค์ ยังพูดกับประชาชนอีกว่า “แม่ทัพภาคที่ 1 ฝากถึงความห่วงใยพี่น้องตรงชายแดน ทั้งในเรื่องของสภาพความเป็นอยู่และความปลอดภัย ฝากความห่วงใยมาตลอด โดยเฉพาะพี่น้องประชาชนที่อยู่ชายแดนและให้กำลังใจทหาร
ถ้าอะไรที่ดำเนินการเกินขอบเขตที่กำหนด เกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย จึงขอความร่วมมือว่าวันที่ 10 ตุลาคม ประชาชนให้กำลังใจได้ แต่ให้อยู่ภายในกรอบของความปลอดภัย เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงานได้อย่างเต็มที่และไม่กังวลเรื่องของความปลอดภัยแก่ประชาชน
หลังจากมื้ออาหารเย็นชื่นมื่อเสร็จสิ้นแล้ว ผู้ว่าฯ สระแก้วเดินทางกลับ ซึ่งก่อนจะเดินทางกลับ ผู้ว่าฯ ได้พูดคุยกับชาวบ้าน ที่บอกว่ายังไม่ได้รับเงินเยียวยาชายแดน ซึ่งทางผู้ว่าฯ ได้สอบถามเจ้าหน้าที่ที่มาด้วยทได้รับการยืนยันว่าเงินเยียวยาจะเข้าในวันศุกร์นี้ ทำให้ชาวบ้านรายดังกล่าวดีใจและไหว้ขอบคุณผู้ว่าฯ/ ก่อนเดินทางกลับผู้ว่าฯ ได้ไปทักทายและให้กำลังใจชรบ.ในพื้นที่ด้วย
Advertisement