"บิ๊กโจ๊ก" ร้อง "รังสิมันต์ โรม" ตรวจสอบ ผบ.ตร.ใช้อำนาจไม่ชอบ
"บิ๊กโจ๊ก" ร้อง กมธ. มั่นคงแห่งรัฐฯ ตรวจสอบ ผบ.ตร. ใช้อำนาจไม่ชอบ ตั้งคณะกรรมการสอบ ปมคำสั่งโยงคดีทุจริตสอบจุฬาฯ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
วันนี้ 7 ต.ค. 2568 นายรังสิมันต์ โรม ประธานคณะกรรมาธิการ สภาผู้แทนราษฎร รับหนังสือร้องเรียน พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล (บิ๊กโจ๊ก) เรื่องขอให้ตรวจสอบและพิจารณากรณี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีการใช้อำนาจหน้าที่ไม่ถูกต้อง ตามบทบัญญัติของกฎหมาย และไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต มีการใช้กิริยาวาจา หรือประพฤติตนในลักษณะที่ไม่สมควร
เนื่องจากกรณีที่ พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ ได้มีคำสั่ง ตร.ที่ 241/2568 ลงวันที่ 17 เมษายน 2568 แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ กรณีทุจริตการสอบของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยอ้างในคำสั่งว่าพลตำรวจเอกสุรเชชษฐ์ ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวอาชญากรรม ทางเทคโนโลยี ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษ ให้ดำเนินคดีอาญากับพลตำรวจเอกสุรเชชษฐ์ และพวก
โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันนำเอกสารซึ่งเป็นข้อสอบของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ออกไปจากการครอบครอง โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ได้รับโทษตามกฎหมาย” โดยพนักงานสอบสวนกองบังคับการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 รับคำร้องทุกข์ไว้เป็นคดีอาญาที่ 632/2568 ทั้งที่ในข้อเท็จจริงพลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ รู้ตั้งแต่ต้นอยู่แล้วว่าไม่มีผู้เสียหาย หรือบุคคลใดร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน ให้ดำเนินคดีกับพลตำรวจเอกสุรเชชษฐ์ ในข้อหาดังกล่าว และพลตำรวจเอกสุรเชชษฐ์ฯ ก็ไม่ได้ถูกดำเนินคดีอาญาแต่อย่างใด แต่พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ กลับลุแก่อำนาจ กระทำการที่ฝ่าฝืนต่อหลักความชอบด้วยกฎหมาย และหลักสุจริตของการใช้อำนาจ โดยการออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง โดยใช้ฐานอ้างอิงว่าพลตำรวจเอกสุรเชชษฐ์ ตกเป็นผู้ต้องหาคดีอาญา ทั้งที่พลตำรวจเอกสุรเชชษฐ์ ไม่มีกรณีถูกแจ้งข้อกล่าวหา หรือถูกดำเนินคดีอาญาแต่อย่างใด เรื่องนี้เป็นเรื่องที่พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ ทราบข้อเท็จจริงทั้งหมดดีอยู่แล้ว แต่ก็ยังใช้อำนาจในตำแหน่งออกคำสั่งแต่งตั้ง คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงพลตำรวจเอกสุรเชชษฐ์ฯ โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่สุจริต ขัดต่อหลักนิติธรรม โดยบิดเบือนข้อเท็จจริงกล่าวหาว่าพลตำรวจเอกสุรเชชษฐ์ เป็นผู้ต้องหาคดีอาญา ในเรื่องการทุจริตข้อสอบจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย ซึ่งถือได้ว่าการออกคำสั่งดังกล่าวเป็นการใส่ร้ายพลตำรวจเอกสุรเชชษฐ์ ต่อบุคคลที่ 3 ว่าพลตำรวจเอกสุรเชชษฐ์ มีพฤติการณ์ในการโกงข้อสอบ ทุจริตการสอบ มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดฐาน เอาไปเสียซึ่งเอกสารของคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย ทั้ง ๆ ที่เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง และพลตำรวจเอกสุรเชชษฐ์ ไม่มีกรณีต้องหาคดีอาญา
นอกจากนี้พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ ยังได้แจ้งเวียนฯ คำสั่ง ตร.ที่ 241/2568 ดังกล่าวไปให้กับ คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงตามรายชื่อทั้งหมด 11 คน และยังได้ให้สัมภาษณ์ทางสื่อสาธารณะ สื่อออนไลน์ที่เป็นช่องยูทูปในประเด็นดังกล่าว จนทำให้ประชาชนทั่วทั้งประเทศ ซึ่งได้รับชมรับฟังเข้าใจจนถึงทุกวันนี้ว่า พลตำรวจเอกสุรเชชษฐ์ ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญา อันเกี่ยวกับการทุจริตข้อสอบ ของจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย ตามที่เป็นข่าวแพร่หลายในหลายช่องทาง
ต่อมาคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง โดยพลตำรวจเอกกรไชย คล้ายคลึง ประธานกรรมการฯ ได้ตรวจสอบพบความผิดปกติ ของการออกคำสั่งที่มีการบิดเบือนข้อเท็จจริง ของพลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ จึงมอบหมายให้ พลตำรวจโทมณเทียร พันธ์อิ่ม ในฐานะเลขานุการ มีหนังสือแจ้งให้พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ แก้ไขคำสั่งดังกล่าวให้ถูกต้อง
พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ จึงได้มีคำสั่ง ตร.ที่ 336/2568 แก้ไขคำสั่งดังกล่าว โดยเปลี่ยนจากชื่อพลตำรวจเอกสุรเชชษฐ์ ที่ตกเป็นผู้ต้องหาเป็นผู้กระทำความผิดกับพวกแทน ซึ่งจะเห็นได้ว่าห้วงระยะเวลาในการที่ พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ แก้ไขคำสั่งใช้เวลาถึง 29 วัน ทั้ง ๆ ที่ตนเองทราบดีอยู่แล้วว่า เรื่องที่พลตำรวจเอกสุรเชชษฐ์ ต้องหาคดีอาญานั้นไม่เป็นความจริง แทนที่จะเร่งรัดแก้ไข และออกมาแถลงข่าวให้สาธารณชนทราบว่า พลตำรวจเอกสุรเชชษฐ์ ไม่มีมูลต้องหาคดีอาญา และไม่สามารถที่จะตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง พลตำรวจเอกสุรเชชษฐ์ได้ แต่กลับพยายามทอดเวลา ไม่แก้ไข ไม่แก้ข่าว ไม่ทำให้ความจริงปรากฏต่อสาธารณชน เพื่อจะให้สังคม ประชาชน และผู้ใหญ่ในบ้านเมือง เห็นว่าพลตำรวจเอกสุรเชชษฐ์ ไม่ได้โกงข้อสอบ ลักข้อสอบ หรือร่วมกับพวกทุจริตข้อสอบ
การกระทำนี้ทำให้พลตำรวจเอกสุรเชชษฐ์ ได้รับความเสียหายเป็นอย่างยิ่ง จนถึงปัจจุบัน อันเกิดจากการกระทำของ พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ ที่กระทำการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของกฎหมาย และจงใจบิดเบือนข้อเท็จจริง เพื่อให้พลตำรวจเอกสุรเชชษฐ์ ได้รับความเสื่อมเสีย ถูกสังคมมองว่าเป็นคนชั่ว คนเลว มีพฤติการณ์ทุจริต แม้กระทั่งการสอบของ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย
Advertisement
