พรุ่งนี้ 6 ต.ค 68 เวลา 14.00 น. ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จะเป็นประธานการประชุมนัดแรกของคณะกรรมการอำนวยการและบริหารสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ (คอภ.) หลังมีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 311/2568 แต่งตั้งเมื่อวันที่ 30 ก.ย. 68 เพื่อกำกับ ติดตาม และบูรณาการการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยอย่างเป็นระบบ
การตั้ง คอภ. และศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ (ศชภ.) มีจุดเริ่มต้นจากการที่นายอนุทินลงพื้นที่ อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อ 27 ก.ย. 68 เพื่อตรวจสถานการณ์น้ำท่วมด้วยตนเอง และพบว่าประชาชนประสบปัญหาซ้ำซากทุกปี การช่วยเหลือที่ผ่านมายังไม่ครอบคลุมหรือทันต่อความเดือดร้อน จึงสั่งให้จัดตั้งกลไกกลางที่ทำงานแบบเบ็ดเสร็จ เพื่อให้การเยียวยามีความรวดเร็ว เป็นเอกภาพ และตอบโจทย์ประชาชนอย่างแท้จริง
คอภ. มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ทำหน้าที่อำนวยการและบริหารจัดการภัยพิบัติทั้งระบบ ตั้งแต่การเตรียมพร้อม ติดตามเฝ้าระวัง การป้องกัน การช่วยเหลือในระหว่างเกิดเหตุ ไปจนถึงการฟื้นฟูหลังสิ้นสุดเหตุการณ์ อีกทั้งยังมีอำนาจสั่งการหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรที่เกี่ยวข้องให้บูรณาการทำงานร่วมกัน รวมถึงสามารถแต่งตั้งคณะทำงานหรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านมาสนับสนุนได้ตามความจำเป็น
สำหรับ ศชภ. ซึ่งมีนายโสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้อำนวยการ จะทำหน้าที่บัญชาการกลางและประสานงานทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานรัฐ เอกชน และท้องถิ่น เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยครบถ้วน ตั้งแต่การเคลื่อนย้ายประชาชน การดูแลความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สิน การจัดหาอาหาร น้ำดื่ม เครื่องใช้จำเป็น ตลอดจนการวางระบบที่พักอาศัยชั่วคราวที่เพียงพอและทั่วถึง
นายอนุทิน ได้มอบหมายให้ ศชภ. จัดทำมาตรการถาวรช่วยเหลือประชาชนที่เสียสละพื้นที่ทำกินหรือที่ดินกรรมสิทธิ์เพื่อใช้เป็นพื้นที่รับน้ำในฤดูน้ำหลากทุกปี โดยกำหนดหลักเกณฑ์การเยียวยาที่ชัดเจนและต่อเนื่อง ลดปัญหาการต้องยื่นเรื่องขอเป็นรายกรณีเหมือนที่ผ่านมา ถือเป็นก้าวสำคัญในการแก้ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากอย่างยั่งยืน
นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำว่า การช่วยเหลือผู้ประสบภัยต้องรวดเร็ว โปร่งใส และทั่วถึง กำหนดให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่นเร่งตรวจสอบและขึ้นทะเบียนผู้ประสบภัยให้ครบถ้วน เพื่อให้การจ่ายค่าครองชีพและการเยียวยาเข้าถึงจริง ไม่ตกหล่น พร้อมให้ทุกหน่วยงานรัฐส่งมาตรการช่วยเหลือเข้าสู่ ศชภ. เพื่อรวบรวมและกลั่นกรอง ก่อนเสนอ ครม. ต่อไป
นายอนุทิน ยังให้นโยบายกับทุกส่วนราชการว่า การช่วยเหลือประชาชนในยามเดือดร้อนคือภารกิจสำคัญสูงสุดของรัฐบาล โดยหลังการลงพื้นที่เมื่อ 27 ก.ย. 68 ด้วยตนเองแล้ว ยังได้มอบหมายรัฐมนตรีติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ต่าง ๆ รับฟังปัญหาโดยตรง และกำชับ ปภ. ดูแลประชาชนใกล้ชิด พร้อมรายงานข้อมูลมายังนายกรัฐมนตรีอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มาตรการเยียวยาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและทันต่อสถานการณ์
Advertisement