Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
"จุรินทร์" เปรียบรัฐบาล"หนูตกถังข้าวสาร"พร้อมชำแหละนโยบาย6ประเด็น

"จุรินทร์" เปรียบรัฐบาล"หนูตกถังข้าวสาร"พร้อมชำแหละนโยบาย6ประเด็น

29 ก.ย. 68
14:17 น.
แชร์

"จุรินทร์" ชี้ นายกฯเป็นนักธุรกิจบวกลบคูณหารคงคิดว่าคุ้มแล้ว บริหารราชการแผ่นดินปุ๊บ มีเงินมากองไว้ปั๊บ เปรียบเป็น “หนูตกถังข้าวสาร” พร้อมชำแหละนโยบาย

วันที่ 29 ก.ย. เวลา 11.10 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมรัฐสภาครั้งที่ 1 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ ในวาระเรื่องด่วน คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย โดยมีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เป็นประธานในที่ประชุม โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส. บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายนโยบายรัฐบาล ว่า ขอแสดงความยินดีกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ถือเป็นนโยบายควิกวิน นโยบายแรกที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่ยังไม่แถลงนโยบาย และขอแสดงความยินดีคณะรัฐมนตรีทุกท่านที่ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นรองนายกรัฐมนตรีแล้วรัฐมนตรี ทั้งนี้ตนและพรรคประชาธิปัตย์ ขอทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร

ซึ่งพวกเราจะไม่ค้านทุกเรื่อง และว่าไปตามเนื้อผ้าไม่มีอคติไม่มีบุญคุณความแค้นใดๆ และพร้อมทำหน้าที่ร่วมกับพรรคร่วมฝ่ายค้านทุกพรรค เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบนโยบายและการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลแทนประชาชน หากดูนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ มีทั้งหมด 7 หน้า 5 หมวด ในภาพรวมต้องยอมรับว่ามีการเขียนกว้างไว้เป็นมหาสมุทร แทนที่จะเฉพาะเจาะจงลงไปเนื่องจากเป็นรัฐบาลเฉพาะกิจ เหมือนที่นายกรัฐมนตรีได้ยอมรับ ซึ่งเข้าใจได้ว่าเป็นการวางรากฐานไว้เพื่ออนาคต ทั้งนี้สิ่งที่ตนสะดุดเป็นพิเศษคือนโยบายหาเสียงก่อนการเลือกตั้งที่ผ่านมา ล่องหนหายตัวและไม่มีปรากฏอยู่ในนโยบายของรัฐบาลชุดนี้หลายนโยบาย ซึ่งตนขอตั้งคำถามและข้อเสนอแนะที่คิดว่าเป็นประโยชน์ในภาพรวม

ประเด็นแรกคำตัดพ้อของรัฐบาลที่ปรากฏชัดเจนในหน้าที่ 2 ระบุว่ารัฐบาลชุดนี้มีข้อจำกัด 3 ข้อ คือเวลาจำกัด ไม่ได้จัดทำงบประมาณด้วย และเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยหรือรัฐบาลเป็ดง่อย ซึ่งเกิดขึ้นเพราะการเมืองภาคพิสดารและรัฐบาลจะโทษใครไม่ได้ เพราะเป็นคนเลือกเอง และเลือกทางเดินนี้ด้วยความเต็มใจ นายกรัฐมนตรีเป็นนักธุรกิจคงบวกลบคูณหารคิดแต่ว่าคุ้ม เนื่องจากว่ากลุ่มที่จะแลกตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และแกนนำจัดตั้งรัฐบาลกับข้อจำกัด 3 ข้อที่กล่าวมาข้างต้น ประการที่สองคุ้มที่จะเป็นรัฐบาลต่างตอบแทน ฝ่ายหนึ่งได้เป็น คือได้เป็นนายกรัฐมนตรีและได้จัดตั้งรัฐบาล และอีกฝ่ายยุบสภาและแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งหากบอกว่าเวลาเป็นข้อจำกัดก็อาจใช่ แต่หากบอกว่าไม่ถึงกับใช่ ก็สามารถพูดได้ เพราะเรารัฐบาลชุดนี้ไม่ได้อยู่แค่ 4 เดือน

แต่อาจจะอยู่ถึง 8-9 เดือน ซึ่งตนมองว่ารัฐบาลชุดนี้มีแต้มต่อมากกว่าข้อจำกัด คือ การที่มีผู้มาลงคะแนนเลือกนายกรัฐมนตรีโดยไม่ขอรับตำแหน่งรัฐมนตรี ทำให้นายกฯ กลายเป็นหนูตกถังข้าวสาร เพราะมีเก้าอี้รัฐมนตรีให้แบ่งปันกันเหลือเฟือที่สุดยุคหนึ่งในระบบรัฐสภา รัฐบาลชุดนี้บริหารราชการแผ่นดินปุ๊บ มีเงินมากองไว้ปั๊บไม่ต้องออกแรง เพราะมีงบเหลือจ่ายปี 2568 อยู่อีกประมาณ 60,000 ล้านบาท และงบประมาณปี 2569 รอใช้เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 จำนวน 3.78 ล้านล้านบาท เฉพาะงบฉุกเฉินที่เป็นอำนาจนายกรัฐมนตรีอย่างเดียว 98,000 ล้านบาท ซึ่งตนบอกว่าเป็นแต้มต่อไม่ใช่ข้อจำกัด มีนโยบายสำเร็จรูปเตรียมไว้ให้แล้วโดยผู้มีอำนาจเหนือรัฐธรรมนูญ หรือ MOA ที่คิดไว้แล้ว 5 ข้อว่าต้องทำอะไรบ้าง สำหรับรัฐบาลชุดนี้และสามารถนำไปปฏิบัติในทันที

เหลือคิดเองเพียงแค่ 3 เรื่องคือ นโยบายที่จะนำมาแถลงข่าวรัฐสภาวันนี้ การจัดคณะรัฐมนตรีซึ่งเป็นผู้บริหารนโยบาย ใช้นโยบายและกำหนดนโยบายที่แถลงวันนี้ และการทำนโยบายที่แถลงนี้ให้ประสบความสำเร็จ ส่วน MOA ที่ประชาชนบ่นน้อยใจว่าไม่ได้มีปัญหาของประชาชนในสัมการ เข้าใจได้เพราะอาจแย่งชิงตำแหน่งกันนายกรัฐมนตรีอาจหลงลืมว่าตกหล่นหรือไม่ สำหรับปัญหาประชาชน แต่สุดท้ายเมื่อยอมรับก็ไม่เป็นไรเพราะ MOA เป็นข้อตกลงระหว่างพรรคประชาชน แต่ไม่มีผลผูกพันรัฐสภา หากไม่นำนำมาบรรจุไว้ในนโยบายที่แถลงวันนี้

ซึ่งการจัดคณะรัฐมนตรีเป็นหัวใจสำคัญ และเกี่ยวข้องโดยตรงกับนโยบาย เพราะเป็นผู้กำหนดนโยบายและใช้นโยบาย ซึ่งคณะรัฐมนตรีชุดนี้ประกอบด้วยสองส่วน คือคนใน เข้าใจได้เพราะเคยเป็นรัฐบาลแลพฝ่สยค้าน เข้าใจโตวต้ากลุ่มพรรคการเมือง แต่ สิ่งหนึ่งที่ขอชมว่านายแน่มาก คือการกล้าตั้งรัฐมนตรีที่แม้แต่รัฐบาลชุดที่แล้วไม่กล้าตั้ง เพราะไม่ไม่อยากเสี่ยงเดินตามรอยนายเศรษฐา ทวีสินอดีตนายกรัฐมนตรี และเมื่อตั้งแล้วต้องรับรับผิดชอบและขอให้คณะรัฐมนตรีชุดนี้ปฏิบัติภารกิจให้ดีที่สุด และคนนอก ซึ่งส่วนนี้ขอชมด้วยความจริงใจ หลายตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจัดได้ดี และถูกฝาทุกตัว แต่น่าเสียดายที่มีบางตำแหน่งเป็นตำแหน่งชักใบให้เรือเสีย และทำให้คณะรัฐมนตรีชุดนี้กระดำกระด่างไป ซึ่งตนเชื่อว่านายกรัฐมนตรีรู้อยู่แกใจ ดูได้จากจัดตำแหน่งรัฐมนตรีในคณะรัฐมนตรีชุดนี้ มีการนำคนนอกเปิดตัวด้วยตนเองเกือบทุกคน แต่บางตำแหน่งกลับไม่กล้าเอาออกมาเปิดตัว และทำลับๆล่อๆ และสุดท้ายหวยล็อกก็ออกมา

นายจุรินทร์ ระบุต่อว่า สำหรับนโยบาย 7 หน้า 5 หมวด ตนขอพูด 6 ประเด็น คือ 1. การตั้งโจทย์ประเทศ ในภาวะ 4 ภัยเศรษฐกิจ ความมั่นคงสังคม และภัยพิบัติธรรมชาติ แต่รัฐบาลตั้งโจทย์ไม่ครบ ซึ่งต้องมีภัยที่ 5 ที่เป็นต้นตอของภัย คือ ภัยจากการทุจริตคอรัปชั่น 2. การแก้ไขรัฐธรรมนูญและทำประชามติ เชื่อว่านายกฯ ได้ยินนโยบายนี้ เพราะมีหลายคนบ่นว่าไม่ควรไม่ใช่ และมาผิดที่ผิดเวลา เพราะอยากเห็นการแก้ปัญหาปากท้องมากกว่าแก้รัฐธรรมนูญ แต่เมื่อรัฐบาลเลือกตำแหน่งรัฐมนตรีกับการแก้รัฐธรรมนูญแล้ว ก็ต้องรับผิดชอบ และตนว่าแก้รัฐธรรมนูญสามารถควบคู่กับการแก้ปัญหาอื่นๆได้ แต่ตนมีคำถามคือ นายกฯ ยืนยันว่าศาลแก่รัฐธรรมนูญทั้งฉบับต้องไม่แตะหมวด 1-2 ซึ่งหากมีร่างรัฐธรรมนูญฉบับใดเสนอเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภา และไม่กำหนดเงื่อนไขว่าไม่แตะหมวดดังกล่าวรัฐบาลชุดนี้จะยกมือให้หรือไม่ และอีกประกาศ รัฐธรรมนูญมาตรา 60 (4) (5) เรื่องคุณสมบัติผู้มาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี เจ้าหน้าที่ของรัฐระดับสูงศาล องค์กรอิสระ ต้องมีคุณสมบัติระบุไว้ชัดเจน มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และไม่มีพฤติกรรมฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง จึงเป็นหัวใจสำคัญของรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง ซึ่งจะถือเป็นอุปสรรคกับคนโกงและคนเคยโกง ดังนั้นถ้าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไปแก้ข้อนี้และถอยหลังเข้าคลอง นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลจะสนับสนุนต่อไปหรือไม่ เพื่อให้แก้ไขและเลวลง

3.ปัญหาชายแดนไทยกัมพูชา รัฐบาลจะรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยและเขตแดนที่เป็นของคนไทยชอบธรรมตามเส้นเขตแดนที่เป็นสากล ถึงวันนี้เชื่อว่าคนไทยได้พิสูจน์แล้วถึงความรักชาติรักแผ่นดินร่วมกัน และคนไทยได้รู้เช่นเห็นชาติเขมรแล้วว่าเป็นอย่างไร สิ่งที่รัฐบาลกำลังเดินอยู่ขณะนี้คือใช้นโยบายการทหาร เศรษฐกิจ การทูตควบคู่กันไป ซึ่งการทหารเชื่อว่าทุกคนชื่นชมให้กำลังใจกองทัพและผู้เสียสละในแนวหน้าทุกคนไม่มีข้อยกเว้นแม้แต่เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน และเศรษฐกิจเชื่อว่าทุกคนเห็นด้วยกับการปิดด่านจนกว่าเขมรจะหมดการเป็นภัยต่อความมั่นคง และการทูตขอชื่นชมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่ทำดีอย่างยิ่ง และนายกฯ พลอยได้หน้าไปด้วย แต่คำถามคือ การเขียนว่าพื้นที่ของเราตามเขตสากลที่ถูกครอบครองจะยึดคืนมาให้หมดใช่หรือไม่ เพราะไม่ใช่แค่การจะรักษาไว้ อะไรที่สูญเสียไปรัฐบาลมีนโยบายที่จะเอาคืนด้วยใช่หรือไม่ เพื่อเอากลับมาเป็นของไทยหากอยู่ในเขตแดนที่เป็นสากลและเป็นที่ยอมรับ

ซึ่งตนจะไม่ถามว่ามีกี่จุดเพราะไม่ถูกกาลเทศะและไม่ใช่เรื่องที่จะถามตรงนี้ แต่จะถามว่านายกรัฐมนตรีมีแนวคิดที่จะเอาคืนทั้งหมดใช่หรือไม่ และเมื่อไหร่กี่โมง หากตอบได้จะเป็นเรื่องที่ดี นอกจากนี้แล้วเรื่องของบ่อนเขมรที่สร้างล้ำแดนไทยเข้ามา นายกรัฐมนตรีบอกว่าสะกดคำว่ายอมไม่เป็น ซึ่งรัฐบาลนี้เขียนชัดเจนว่าจะจัดการบ่อนที่ผิดกฎหมายให้สิ้นซากทราบ และบ่อนเขมรที่ล้ำแดนไทยจะจัดการอย่างไร และเวลา 8-9 เดือน นานพอที่รัฐบาลนี้จะจัดการและมีคำตอบให้ นอกจากนี้ MOU จะทำประชามติยกเลิก ซึ่งไม่ระบุว่าเป็นMOU 43 หรือ 44 ซึ่งจะทำประชามติเมื่อไหร่ทำกี่โมง พร้อมกับประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ 4. ปัญหาพืชผลทางการเกษตร 8 เดือน ยาวพอที่จะคลายทุกข์เกษตรกร สำหรับ ซึ่งเมื่อดูนโยบายจะเป็นคนละเวอร์ชั่นกับตอนหาเสียง เช่น เพราะนโยบายหาเสียงข้าวเกวียนละ 12,000 บาท สำปะหลังโลละ 4 บาท กลับไม่ปรากฏมีแค่นโยบายที่ระบุไว้กว้างๆ ว่าจะบริหารจัดการราคาสินค้าการเกษตรให้อยู่ในราคาที่เหมาะสม ซึ่งการบ้านข้อใหญ่ของรัฐบาลนี้คือ ข้าว มัน ปาล์ม ข้าวโพด รวมถึงผลไม้

5.ส่วนที่รัฐบาลจะรักษาหลักนิติธรรมอย่างเคร่งครัดซึ่งมีการระบุว่าเจ้าพนักงานคนไหนใช้กฎหมายหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐโดยประโยชน์ทางการเมือง ถือว่าผิดวินัยร้ายแรง และต้องถูกดำเนินคดีอาญาแปลว่าใครที่ไปช่วยหาเสียงเพื่อประโยชน์ทางการเมืองกันแกล้งใฝ่ตรงข้ามรัฐบาลนี้จะจัดการโดยเด็ดขาด นอกจากผิดวินัยต้องดำเนินคดีทางอาญา มองว่าเป็นนโยบายที่ดีไม่มีการท้วงติงแต่อยู่ที่ภาคปฏิบัติ อย่างน้อยนโยบายนี้ต้องกรมราชทัณฑ์ไว้ได้ ว่าอย่าเอื้อนักการเมืองคนใดให้ปฏิบัติไปตามกฎกติกาโดยเคร่งครัด และกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ที่ทำอยู่ 2-3 คดี ไม่ต้องเอ่ยว่าเป็นคดีใดเพราะรู้กันทั้งประเทศ ถ้ายังเดินหน้าทำนโยบายต่อและถ้ายังมีนโยบายนี้จะเข้าข่ายทำผิดตามนโยบายหรือไม่ ซึ่งเป็นข้อกังวลอยู่ และ 6. ขอฝากคาถา 5 ข้อ คือขอให้รัฐบาลละลึกถึงคำถวายสัตย์ปฏิญาณไว้เสมอ ไม่โกงเพราะจะมีอันเป็นไป ทวนเป็นอาวุธมีไว้รบกับเขมรไม่ใช่มีไว้ทิ้งก่อนยุบสภา อย่าใช้ระบบเล่นพรรคเล่นพวก เหมือนบางยุคบางสมัยที่ผ่านมาในการโยกย้ายแต่งตั้งข้าราชการ เพราะนอกจากจะทำให้คนดีหมดกำลังใจอย่างเป็นการทำลายอนาคตของประเทศ

อย่าเลือกปฏิบัติ ไม่ใช่พูดเพราะรัฐบาลจะทำแบบนั้นแต่อยากฝากไว้ในฐานะผู้แทนราษฎร อย่าเลือกพัฒนาเฉพาะพื้นที่ที่เลือกเรา เพราะพื้นที่ไหนที่ไม่เลือกเราเป็นคนไทยเช่นเดียวกัน เชื่อว่านายกรัฐมนตรีเป็นผู้แทนมาหลายสมัยเข้าใจดี อย่าลุแก่อำนาจ ซ้ำรอยอดีตเพราะเราเคยเห็นมาแล้วทั้งอำนาจบริหารอำนาจนิติบัญญัติและผู้แทนราษฎรรวมถึงวุฒิสภาและองค์กรอิสระหากเผลอตัวเมื่อไหร่จบไม่สวย

อย่าแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม นอกจากจะทำร้ายระบบนิติรัฐแล้ว ยังเป็นของแสลงสำหรับรัฐบาลชุดนี้เป็นเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งหากทำได้ตนเชื่อว่าท่านจะกลับมา ส่วนจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาลขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการบริหารราชการแผ่นดิน และพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ.

Advertisement

แชร์
"จุรินทร์" เปรียบรัฐบาล"หนูตกถังข้าวสาร"พร้อมชำแหละนโยบาย6ประเด็น