Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
พริษฐ์ลั่นปชน.-พท.ควรร่วมมือกันตรวจสอบรัฐบาลแทนทำลายล้างนิติสงคราม

พริษฐ์ลั่นปชน.-พท.ควรร่วมมือกันตรวจสอบรัฐบาลแทนทำลายล้างนิติสงคราม

7 ก.ย. 68
17:33 น.
แชร์

พริษฐ์ โพสต์ พรรคประชาชน-พรรคเพื่อไทยควรร่วมมือกันเพื่อผลประโยชน์ประชาชน ติดตามการรักษาสัญญา-ตรวจสอบการใช้อำนาจของรัฐบาลแทนการทำลายล้างด้วยนิติสงคราม

จากกรณีที่สส.เพื่อไทยยื่นประธานสภาฯส่ง ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชนพ้น สส.เหตุทำ MOAเข้าข่ายแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ครอบงำพรรคการเมืองล้มล้างประชาธิปไตยนั้น

ล่าสุดนาย พริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคประชาชน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า พรรคประชาชน-พรรคเพื่อไทยควรร่วมมือกันเพื่อผลประโยชน์ประชาชน: ติดตามการรักษาสัญญา-ตรวจสอบการใช้อำนาจของรัฐบาล-ผลักดันกฎหมายก้าวหน้าในสภา แทนการทำลายล้างด้วยนิติสงคราม ผมเห็นว่าพรรคเพื่อไทยมีสิทธิที่จะวิจารณ์การตัดสินใจของพรรคประชาชนเต็มที่ และพวกเราพรรคประชาชนก็ต้องพร้อมน้อมรับทุกความเห็นและทุกการตรวจสอบ แต่ผมเห็นว่าเหตุผลที่ สส. พรรคเพื่อไทยใช้ในการยื่นคำร้องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยว่าการทำข้อตกลง MOA ของพรรคประชาชน เป็นการกระทำที่ขัดรัฐธรรมนูญและเข้าข่ายการล้มล้างการปกครองนั้น มีความย้อนแย้งและไม่ส่งผลดีต่อความเข้มแข็งของประชาธิปไตย ซึ่งเป็นเป้าหมายที่พรรคเพื่อไทยต้องการยึดมั่น

1. พรรคเพื่อไทยบอกว่าการทำข้อตกลงตาม “เงื่อนไข 3 ข้อหลัก” ของพรรคประชาชน ขัดรัฐธรรมนูญ แต่ก่อนที่พรรคประชาชนจะตัดสินใจว่าจะทำข้อตกลงกับพรรคใด พรรคเพื่อไทยเองเป็นฝ่ายที่ประกาศว่ายอมรับทุกเงื่อนไขของพรรคประชาชนหลังจากได้มีการหารือกันถึงรายละเอียดที่สำนักงานพรรคประชาชน ยังไม่นับถึงความพยายามของพรรคเพื่อไทยก่อนหน้านั้นที่ได้พยายามประกาศเงื่อนไขหรือข้อเสนอเพิ่มเติมจาก 3 ข้อเสนอหลักของพรรคประชาชน

2. พรรคเพื่อไทยบอกว่าการตั้ง “รัฐบาลเสียงข้างน้อย” ขัดต่อหลักการประชาธิปไตย แต่นอกเหนือจากการมีอยู่ของรัฐบาลเสียงข้างน้อยเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้และเคยเกิดขึ้นแล้วหลายครั้งในประเทศประชาธิปไตยทั่วโลก ตัวแทนพรรคเพื่อไทยที่มาพูดคุยกับผู้บริหารพรรคประชาชน ก็เข้าใจและยอมรับเองตั้งแต่วันนั้น ว่าพร้อมจะคงสถานะความเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยในห้วงเวลาก่อนยุบสภา หากมีการทำข้อตกลง MOA กับพรรคประชาชน

3. พรรคเพื่อไทยบอกว่าการ “ยุบสภาภายใน 4 เดือน” ก่อนจะหมดวาระในเดือน พ.ค. 2570 อาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ แต่พรรคเพื่อไทยเองกลับเป็นฝ่ายที่ยืนยันว่าพร้อมยุบสภาภายใน 4 เดือน ตอนพยายามโน้มน้าวให้พรรคประชาชนทำข้อตกลง MOA ร่วมกับเพื่อไทย รวมถึงยังได้ยื่นข้อเสนอพิเศษหลังจากที่พรรคประชาชนได้ลงนามข้อตกลง MOA ไปแล้ว ว่าพร้อม “ยบุสภาทันที” - หากพรรคเพื่อไทยยังยืนยันว่าจะใช้เหตุผลนี้ในการยื่นศาลรัฐธรรมนูญ แล้วเราจะตีความคำสัญญาที่ผ่านมาเรื่องการยุบสภากันอย่างไร?

4. พรรคเพื่อไทยบอกว่าการทำ “ข้อตกลง MOA” ต่างๆระหว่างพรรคการเมือง อาจขัดรัฐธรรมนูญหรือเข้าข่ายการครอบงำพรรคการเมือง ทั้งที่ข้อตกลงนั้นล้วนถูกทำอย่างเปิดเผยและเกี่ยวข้องกับประเด็นทางสาธารณะ - หากพรรคเพื่อไทยเชื่อแบบที่ยื่นคำร้องจริง ก็เท่ากับเป็นความพยายามสร้างบรรทัดฐานให้พรรคการเมืองหลีกเลี่ยงการทำสัญญาประชาคมต่อหน้าประชาชนเกี่ยวกับจุดยืนหรือนโยบายสาธารณะ ซึ่งจะไม่ส่งผลดีต่อแนวทางการทำการเมืองที่โปร่งใสและประชาชนมีส่วนร่วมที่ทุกฝ่ายน่าจะอยากเห็น

ผมสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจของพรรคเพื่อไทยต่อการตัดสินใจของพรรคประชาชน และผมยอมรับว่าพรรคเพื่อไทยเองเป็นฝ่ายที่โดนผลกระทบมาก่อนหน้านี้จากกลไกของรัฐธรรมนูญ 2560 ที่ไม่เป็นประชาธิปไตย แต่ผมเห็นว่าหากเราต้องการให้รัฐบาลภูมิใจไทยไม่เบี้ยวต่อข้อตกลงเรื่องยุบสภาและการปลดล็อกการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และไม่กระทำการใดๆอันจะส่งผลเสียต่อสุขภาพของประชาธิปไตยและกระบวนการยุติธรรมในช่วง 4 เดือนข้างหน้านี้ การทำงานหนักร่วมกันของพรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทยในฐานะฝ่ายค้าน จะเป็นประโยชน์ต่ออนาคตประเทศ กว่าการหักหาญหรือทำลายล้างกันด้วยกลไกนิติสงคราม

แน่นอนว่าผมเคารพสิทธิของพรรคเพื่อไทยในการทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเป็นเอกเทศโดยไม่ร่วมมือกับพรรคประชาชน (ผมเป็นคนหนึ่งที่ยืนยันมาตลอดว่าในระบบรัฐสภา พรรคร่วมฝ่ายค้านไม่ได้จำเป็นต้องร่วมมือกัน เหมือนกับพรรคร่วมรัฐบาล) แต่ผมเห็นว่าด้วยคณิตศาสตร์การเมืองในระบบรัฐสภา การร่วมมือกันในประเด็นที่เห็นตรงกัน จะทำให้ฝ่ายค้านทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น เพราะจะมีเสียง สส. ของ 2 พรรครวมกัน เกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร

- แม้พรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาชน ต่างมี สส. ของตนเอง เพียงพอในการ “เปิด” อภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่หากต้องการจะ “ล้ม” รัฐบาลได้ผ่านการลงมติไม่ไว้วางใจในกรณีที่มีการเบี้ยวสัญญาหรือใช้อำนาจโดยมิชอบ ความร่วมมือของ 2 พรรคมีส่วนสำคัญต่อการมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร

- แม้พรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาชน ต่างมีร่างกฎหมายของตนเองที่อยากผลักดันในสภา แต่หาก 2 พรรคพูดคุยและตกลงกัน กฎหมายทุกฉบับที่ 2 พรรคเห็นตรงกันว่าควรผลักดัน ก็สามารถผ่านความเห็นชอบของสภาไปได้ ในขณะที่กฎหมายทุกฉบับของรัฐบาลภูมิใจไทยที่ 2 พรรคเห็นตรงกันว่าไม่ควรให้ผ่าน ก็ไม่มีทางผ่านความเห็นชอบของสภาไปได้

- แม้พรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาชน อาจมีมุมมองที่ต่างกันต่อการตัดสินใจของพรรคประชาชนที่ผ่านมา แต่หากทั้ง 2 พรรคร่วมกันคงความเป็นเอกภาพของ สส. ภายในพรรคตนเองได้สำเร็จ สถานะของรัฐบาลใหม่ จะเป็น “รัฐบาลเสียงข้างน้อย” ต่อไป และฝ่ายค้านจะทำงานได้ต่อไปในฐานะเสียงข้างมากในสภา

ผมเห็นว่าการเมืองไทยควรมุ่งสู่การติดตามการรักษาสัญญา การตรวจสอบการใช้อำนาจของรัฐบาล และการผลักดันกฎหมายที่ก้าวหน้าในสภาให้เกิดผลแท้จริง แทนที่จะปล่อยให้การต่อสู้ทางการเมืองถูกลดทอนให้เหลือเพียงนิติสงครามเพื่อทำลายล้างกัน อันไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ในระยะยาว

Advertisement

แชร์
พริษฐ์ลั่นปชน.-พท.ควรร่วมมือกันตรวจสอบรัฐบาลแทนทำลายล้างนิติสงคราม