วันที่ 2 ก.ย. 68 เฟซบุ๊กเพจ “กองทัพบก ทันกระแส” โพสต์รูปปราสาทตาเมือนธม พร้อมข้อความระบุว่า “ผ่านมาแล้วเดือนกว่านับจากวันหยุดยิง แต่ร่องรอยความเสียหายบนปราสาทตาเมือนธมยังคงอยู่”
“ในวันปะทะ พื้นที่ปราสาทตาเมือนธมคือที่แรก ที่กัมพูชาเริ่มยิงใส่ทหารไทย กัมพูชาพยายามเข้ามายึดพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม โดยการระดมยิงทั้งปืนเล็ก ปืนใหญ่ จรวด BM-21 ใส่ปราสาทตาเมือนธม แต่ทหารไทยยังคงรักษาไว้ได้”
“กัมพูชาละเมิด อนุสัญญากรุงเฮกว่าด้วยการคุ้มครองทรัพย์สินทางวัฒนธรรมในกรณีพิพาททางอาวุธ ค.ศ. 1954 (Hague Convention 1954)”
“นอกจากนี้ กัมพูชายังเป็น ภาคีของอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกโลก และมีแหล่งมรดกโลกอันทรงคุณค่าหลายแห่งภายใต้การดูแล สิ่งนี้ยิ่งตอกย้ำถึงความรับผิดชอบของกัมพูชาที่ต้องปกป้องมรดกทางวัฒนธรรมของโลก ตามที่ได้ร่วมเป็นภาคี ทว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกลับสวนทางกับหลักการและพันธกรณีระหว่างประเทศอย่างสิ้นเชิง”
“อีกทั้งยังพบทหารกัมพูชาได้จงใจนำโบราณสถานอย่างปราสาทตาควาย มาใช้ประโยชน์ในทางทหาร โดยเปลี่ยนโบราณสถานให้กลายเป็นฐานที่มั่นในการปฏิบัติการ”
“อีกทั้งยังมีการฝังทุ่นระเบิดทำลายบุคคลโดยรอบพื้นที่โบราณสถาน ซึ่งจะมีโอกาสสูงมากที่จะก่อให้เกิดอันตรายต่อตัวโบราณสถาน สิ่งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเพิกเฉยต่อกฎหมายระหว่างประเทศ แต่ยังเป็นการกระทำที่ ไร้ซึ่งความเคารพต่อมรดกทางวัฒนธรรม การกระทำเช่นนี้ย่อมทำให้โบราณสถานเหล่านี้ ตกอยู่ในอันตรายอย่างเห็นได้ชัด จากการเป็นเป้าโจมตี อันเป็นสถานการณ์ที่กัมพูชาเป็นผู้สร้างขึ้นเอง”
Advertisement