วันที่ 1 ก.ย. 68 นาย เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ นักเคลื่อนไหวทางการเมืองชาวไทย และอดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เปิดเผยว่า วันนี้ได้ส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS เพื่อขอให้ กกต. นำคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่มีผลในวันอ่านเมื่อวันที่ 29 ส.ค. 68 มาถือเป็นหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า พรรคเพื่อไทยโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้กระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทางเป็นประมุข อันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 92 (2) หรือไม่
นายเรืองไกร กล่าวว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 29 ส.ค. 68 ที่ให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พ้นจากนายกรัฐมนตรี นั้น ในคำวินิจฉัยมีประเด็นที่อาจเกี่ยวข้องกับการกระทำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่อาจเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืน พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 มาตรา 92 (2) รวมอยู่ด้วย
นายเรืองไกร กล่าวว่า กรณีดังกล่าวเทียบเคียงข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2562 คดียุบพรรคไทยรักษาชาติ
นายเรืองไกร กล่าวว่า โดยผลของคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 29 ส.ค. 68 ในประเด็นข้อเท็จจริงย่อมฟังเป็นที่ยุติ จึงนำมาเป็นหลักฐานอันควรเชื่อได้ ตามความใน พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 92 ซึ่ง กกต. สามารถอ้างสรรพเอกสารในคำวินิจฉัยดังกล่าวต่อศาลได้ ไม่จำต้องให้นายทะเบียนดำเนินการตามมาตรา 93 แต่อย่างใด
นายเรืองไกร กล่าวว่า เมื่อศาลได้อ่านคำวินิจฉัยแล้ว ย่อมเป็นเด็ดขาด มีผลผูกพันต่อ กกต. แต่ศาลมิอาจสั่งยุบพรรคการเมืองได้ เนื่องจากคำร้องไม่ได้มาจาก กกต. ซึ่งเป็นองค์กรที่มีอำนาจตามกฎหมาย กรณี จึงต้องร้องขอให้ กกต. เป็นผู้ดำเนินการยื่นเรื่องร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยตามมาว่าพรรคเพื่อไทยมีเหตุต้องถูกยุบเพราะกระทำการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 92 (2) หรือไม่
นายเรืองไกร กล่าวสรุปว่า เรื่องนี้ มิได้นำเอกสารคำร้องมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชน เนื่องจากคำวินิจฉัยฉบับจริงยังไม่มีการเผยแพร่ จึงนำสรุปคำวินิจฉัยของสื่อมวลชนมาประกอบคำร้อง พร้อมทั้งสำเนาคำวินิจฉัยคดียุบพรรคไทยรักษาชาติบางส่วน ส่งให้ กกต. เพื่อนำไปยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งสรรพเอกสารต่างๆ ศาลรัฐธรรมนูญมีอยู่และรู้เองอยู่แล้ว
Advertisement