วันนี้ (21 สิงหาคม 2568) ที่ลานประชาชนอาคารรัฐสภา ที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมคณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยใช้พื้นที่ชุมนุมเรียกร้องให้มีการยกเลิกเอ็มโอยู 43 และเอ็มโอยู 44 โดยมองว่าเป็นจุดเริ่มต้นของสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชา โดยการชุมนุมดังกล่าวเริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงเวลา 10.00 -18.00 น.
โดย ในช่วงใกล้เสร็จสิ้นการชุมนุม นายพิชิต ไชยมงคล หนึ่งแกนนำ คณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย ขึ้นกล่าวปราศรัยบนเวทีท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมาตั้งแต่ช่วงเย็น โดยมีเนื้อหาใจความ กล่าวถึงทหารแนวหน้าที่ตรึง กำลังบริเวณชายแดนไทยกัมพูชา ที่ไม่เคยถอยเพราะเป็นทหารของประชาชน ที่ต้องทำหน้าที่ในการปกป้องอธิปไตย โดยมีการเอ่ยถึงการทำหน้าที่ในการปกป้องอธิปไตยบริเวณปราสาทตาควาย ในขณะที่ทหารกำลังทำหน้าที่ในการยึดพื้นที่ที่เป็นของประเทศไทยมาเดิม แต่รัฐบาล ได้ประกาศเจรจาขอหยุดยิงแบบไม่มีเงื่อนไข กลายเป็นว่าพื้นที่ปราสาทตาควายครึ่งหนึ่งไทยยึดได้อีกครึ่งหนึ่งกัมพูชาครอบครอง แต่ทหารไทยไม่ยอมเพราะปราสาทเป็นของไทย แต่กัมพูชาอยากได้ พร้อมกับกล่าวยกนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีให้กัมพูชา
พร้อมยังพูดถึงกรณีที่รัฐบาล จะฟ้องดำเนินคดีกับ สมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภาของกัมพูชาและนายฮุน มาเน็ตนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ข้อหาทำร้ายร่างกาย ข้อหาฆ่าคนตาย ว่า เป็นการเล่นลิเกหน้าม่าน โดยมีการนำไปเปรียบกับคดีชั้น 14 ว่าอาจไม่สามารถดำเนินคดีกับใครได้
เช่นเดียวกับกรณีเอ็มโอยู 43 และ 44 ที่มีประเทศไทยประเทศเดียวมีคนถือแผนที่สองฉบับ โดยระบุว่าเหตุการณ์สู้รบกันที่มีทหารสูญเสียขาเป็นเพราะเอ็มโอยู 43 และ 44 ที่ยึดแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ในขณะที่กองทัพยึดแผนที่1 ต่อ 50,000 มาโดยตลอด จึงเป็นหน้าที่ของพี่น้องประชาชนว่าจะเชื่อทหารหรือรัฐบาล ถ้าเชื่อทหารหมายความว่าแผนที่ที่อยู่ในในเงื่อนไข เอ็มโอยูปี 43 และ 44 เป็นโมฆะหรือไม่ดังนั้นวันนี้อยากให้ประชาชนมาแสดงพลังบอก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทราบว่าพี่น้องประชาชนไม่เอาเอ็มโอยูที่มีอัตราแผนที่1 ต่อ 200,000 ส่วนตัวเชื่อว่าเมื่อนำไปพิจารณาในสภาจะกลัวอะไรนักหนา วันนี้มาเปิดเวทีที่นี่ก็อยากให้ทุกพรรค ได้ฟังเสียงประชาชน แต่พอเข้าประชุมในสภาพอเจอเรื่องร้อนแบบเอ็มโอยูปี 43 และ44 ถ้าสภาขออนุญาตปิดประชุมไปก่อน/ส่วนตัวมองว่าเอ็มโอยูสามารถดำเนินการในนามของพี่น้องประชาชนได้ โดยเราสามารถคัดค้านและฉีกเอ็มโอยูได้ วันนี้แสดง ความชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับเอ็มโอยู 43 และ 44
นอกจากนี้ยังมีการพูดถึงพรรคเพื่อไทยที่บริหารเอ็มโอยู พร้อมกล่าวว่า เอ็มโอยูไม่ดีแบบไหนรัฐบาลปัจจุบันก็ไม่ดีแบบนั้น พร้อมเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกเพื่อรับผิดชอบกรณีคลิปหลุด รวมทั้งระบุว่า รัฐบาลหมดความชอบธรรมในการบริหารประเทศทั้งเรื่องกรณีชั้น 14
ขณะเดียวกันยังมีการพูดถึงกรณีวันที่ 29 สิงหาคมที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยในคดีคลิปเสียงของนายกรัฐมนตรีโดยไม่ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินมาในรูปแบบไหนก็แล้วแต่ สมมุติว่าได้ไปต่อได้เป็นนายกรัฐมนตรีก็เป็นไปตามเงื่อนไขของกฎหมาย แต่ส่วนตัวมองว่าไม่ใช่เรื่องของกฎหมาย แต่ประชาชนมองว่าเป็นเรื่องของการหมดความชอบธรรม และไม่มีความสามารถในการเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะสองอย่างนี้ไม่สามารถการันตีด้วยคำวินิจฉัยของศาลได้/ส่วนกรณีวันที่ 9 กันยายนท ที่ศาลฎีกาฯ นัดฟังคำสั่งคดีทักษิณชั้น 14 ซึ่งไม่ต้องรอให้ศาลมีมติเพราะความผิดสำเร็จ ตั้งแต่มติแพทยสภาลงมติว่ามีหมอสามคนที่ช่วยอดีตนายกรัฐมนตรี ส่วนจะ เข้าเงื่อนไขของศาลหรือไม่เราก็ต้องเคารพศาลแต่ในนามของพี่น้องประชาชนไม่ควรปล่อยให้กระบวนการยุติธรรมถูกทำลายเช่นนี้ พร้อมกับบอกว่าพี่น้องจะยอมเป็นพันท้ายนรสิงห์สู้ด้วยหรือไม่เราต้องยึดหลักกฏหมายยึดประเทศเป็นหลัก เราต้อง เอาประเทศให้รอดต้องเดินหน้าเพื่อให้กฎหมายและกระบวนการยุติธรรมเดินหน้าไปได้อย่ายอมให้ศรีธนญชัยมาเปลี่ยนกฎของบ้านของเมือง
ขณะที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนสำคัญของคณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยขึ้นกล่าวปราศรัยบนเวที โดยบางช่วงบางตอน ได้กล่าวถึงที่รองประธานสภาคนที่หนึ่งและพรรคการเมืองได้มารับเรื่องที่ทางคณะรวมแผ่นดินเสนอเกี่ยวกับการยกเลิกเอ็มโอยู 43 และ 44 โดยมีความหวังว่าสภาจะได้พิจารณาอย่างน้อยจะเป็นสารตั้งต้นนำพาให้รัฐบาล ได้ตัดสินใจในการที่จะยกเลิกเอ็มโอยูดังกล่าวแต่เมื่อเข้าไปในสภาแล้วประชุมนกกระจอกยังไม่ทันกินน้ำก็ปิดประชุมไปแล้ว สภาล่มอีกแล้วซึ่งปัญหาก็คือว่าถ้าสภาทำตัวล่มซ้ำซากแบบนี้เดี๋ยวจะเจอคนไปล่มสภา เวลาหาเสียงเลือกตั้งดิ้นรนกันเกือบตายเพื่อจะเป็นสส.
ความเป็นจริงวันนี้ทั้งส.ส. ซีกรัฐบาลและฝ่ายค้าน ควรขอบคุณคณะร่วมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยเพราะเรามายื่นไมตรีให้ว่าให้สภาได้แก้ไขตามระบบรัฐสภาโดยก่อนหน้านี้มีความพยายามในการเรียกร้องรัฐประหาร แต่พอมาเรียกร้องในระบบรัฐสภาก็กลับโดนชิงปิดประชุมไป ตนขอเรียนกับพี่น้องว่า ตั้งแต่เกิดเหตุพิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชานั้นควรจะได้มีการอภิปรายทั่วไปเพื่อที่จะหล่อหลอมหัวใจของคนไทยทั้งชาติให้มีความเป็นหนึ่งเดียวในเรื่องของความรักชาติปรากฏว่าไม่มีวันนี้มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเข้าชื่อปรากฏก็ปิดสภาไปอีก ตนอยากถามว่านิ่งงบประมาณเป็นหมื่นล้านบาทสร้างสภาให้ประชุมแล้วก็ไม่อยากประชุมสภาหรือไม่อยากมีสภากันแน่
ส่วนตัวตนไม่ทราบว่ารัฐบาลนี้จะอยู่อีกกี่วันแต่ตราบใดที่ยังไม่มีการยกเลิกเอ็มโอยู 43 และ 44 บรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตัวแทนจากกองทัพภาคที่หนึ่งและภาคสองพูดเหมือนกันหมดว่ากัมพูชาละเมิดทุกวันแต่ปรากฏว่ารัฐบาลไทยยังไม่ยอมยกเลิกบันทึกข้อตกลงที่ถูกละเมิดทุกวันตนไม่อยากให้ประเทศไทยทำตัวเหมือนพลโทหญิงมาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมของกัมพูชาที่มีการแถลงเรียกร้องไม่ให้มีการเผยแพร่ข่าวเท็จกัน
ต้นขอเรียนกับพี่น้องว่าการที่เรามีรัฐบาลที่ตกเป็นเบี้ยล่างเหมือนอยู่ภายใต้อาณัติจะสั่งรบก็รบไม่เต็ม จะเอาเครื่องบินไปทิ้งระเบิดจะลบเดี๋ยวก็กลัวพวกนั้นจะเปิดคลิป ตนมองว่าถ้ารัฐบาลเอาใจใส่สนใจความรักชาติของประชาชนวันนี้สภาก็ไม่ล่ม เพราะอย่างไรก็ตามนั้นพวกนี้มีหน้าที่แค่ลุ้นคดีอย่างพรุ่งนี้ 10 โมงเช้าเสมียนประเทศต้องเดินทางไปที่ศาลอาญาเพื่อไปฟังคำพิพากษาในคดี 112 และพรบ.คอมพ์ โดยมีข่าวลือแพร่สะพัดว่ารอด ส่วนตัวพอได้ยินผมต้องบอกว่า ไม่รอด ข่าวดีมาก่อนทุกครั้ง ข่าวร้ายตอน 10 โมงให้คอยดูเถอะ ถ้าคดีในวันพรุ่งนี้เป็นคุณไปไหนก็ได้แล้วในโลกนี้ไม่ว่านรกสวรรค์ไม่ต้องขออนุญาตใคร ตนขอเรียนกับพี่น้องว่า เวลาคนต้องคดีก็คิดรทุกคนแต่ตน ซื้อหวยตรงกันข้ามมองว่าไม่รอด แต่เป็นความเชื่อส่วนศาลจะตัดสินอย่างไรนั้นเป็นดุลยพินิจของศาล ตนแค่เชื่อตรงกันข้ามกับความอยาก ของพวกนั้น ส่วนคดีของนายกรัฐมนตรีนั้นวันนี้แกนนำคณะรวมพลังแผ่นดินได้เข้าไปฟังที่ศาลรัฐธรรมนูญแต่ศาลห้ามเผยแพร่ห้ามนำไปใช้ในการอธิบายตนมองว่าไม่เป็นไร
ส่วนที่มีคนถามตนว่าคดีในวันที่ 29 นี้เป็นอย่างไรตนบอกว่าจะเป็นอย่างไรไม่รู้แต่ประชาชนตัดสินตั้งแต่วันที่มีคลิปหลุดแล้วคือผิดมาตั้งแต่วันนั้น ส่วนศาลจะตัดสินอย่างไรเป็นเรื่องของศาลธรรมนูญ แต่ตนมองว่าการอยู่ไปของรัฐบาลไม่ได้อยู่ที่ศาล รัฐธรรมนูญ แต่เพียงอย่างเดียว มันขึ้นอยู่กับประชาชนว่าจะมีความไว้วางใจกับรัฐบาลหรือไม่โดยมีผลโพลผลเชื่อกองทัพ 75 % เชื่อรัฐบาลมีอยู่ 4%
ส่วนกรณีที่ทางฝั่งรัฐบาลจะฟ้องที่อัดคลิปตอนแรกจะไปขึ้นศาลไอซีซีแต่สุดท้ายก็เป็นการฟ้องในประเทศ แต่มีสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือกรณีการเปลี่ยนชื่อปั๊มในกัมพูชากว่า 200 ปั๊ม เป็นชื่อพีซ ทำให้ตนตั้งข้อสังเกตว่า เป็นการร่วมทุนในลักษณะไหน ประเทศไทยอยู่ในสถานะใดหรือว่าการ ขายขาดให้ทางการกัมพูชาซึ่งก็เงียบกริบและยังมีข่าวว่าจะมีการยึดทรัพย์ของทางเข้าในประเทศไทยแต่ตนมองว่าไม่กล้าเนื่องจากกลัวว่าฝั่งโน้นจะยึดกลับและมากกว่า ผมขอท้าว่าทางการไทยต้องยึด เพราะเราต้องการจะรู้ว่าใครเอาเงินจากการทุจริต ไปฝากไว้ที่กัมพูชาบ้าง
ทิ้งท้าย การปราศรัยในเวทีการชุมนุมนัดพิเศษนี้ นายจตุพรเชื่อ ว่าในเรื่องคดีความพรุ่งนี้(22 สิงหาคม) ผมเชื่อว่าเสมียนประเทศไม่รอด และวันที่ 29 ส่วนตัวก็เชื่อว่าอุ๋งอิ๋งไม่รอด แล้ววันที่ 9 กันยายนตนก็เชื่อว่าชั้น 14 ไม่รอด แต่ประเทศไทยรอดและทุกคนรอดหมด
จากนั้น เมื่อใกล้เวลาเวลา 18:00 น. แกนนำคณะรวมพลังแผ่นดินจะขึ้นมารวมกันบนเวทีเพื่อเคารพธงชาติร่วมกัน จากนั้นจึงเสร็จสิ้นการชุมนุมส่วนจะมีการชุมนุมกันอีกครั้งเมื่อไหร่นั้นทางแกนนำระบุว่าจะขอดูสถานการณ์บ้านเมืองก่อนที่จะมีการนัดหมายกันในภายหลัง
Advertisement