นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่รัฐบาลดำเนินคดีอาญากับฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา โดยหากพบที่ประเทศไทย สามารถจับกุมได้ทันทีว่า
การดำเนินการผ่านกระบวนการยุติธรรมในประเทศไม่ใช่สิ่งที่กัมพูชากลัวที่สุด แต่ก็ต้องดำเนินการ ซึ่งการลงพื้นที่มาเห็นผู้ได้รับผลกระทบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สามารถเป็นผู้ร้องเรียนได้ แต่จู่ๆ ชาวบ้านจะไปร้องเรียนเองก็เป็นไปไม่ได้ ต้องดำเนินการโดยรัฐบาล ที่อำนวยความสะดวกในการร้องเรียน ขณะเดียวกันกัมพูชาก็เป็นภาคีอนุสัญญาศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) อยู่แล้ว ถึงแม้ประเทศไทยจะไม่เป็นภาคี กระบวนการจะยกระดับไปสู่ศาล ICC ก็สามารถทำได้โดยไม่ต้องไปให้สัตยาบัน ตนจึงอยากให้รัฐบาลยกระดับ เพราะถือเป็นสิ่งการันตี จะทำให้เกิดความมั่นใจว่าจะไม่เกิดความขัดแย้งตามแนวชายแดนแบบที่ผ่านมา มากกว่านั้น โดยเฉพาะภาพเหตุการณ์ที่เกิดที่ช่องอานม้า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงวุฒิภาวะของกัมพูชา แต่อีกด้านหนึ่งที่ประชาชนมองคือความกังวลที่จะนำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงกว่าการปะทะคารมหรือการผลักกันหรือไม่ ทำให้ประชาชนตามแนวชายแดนรู้สึกไม่มั่นใจ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการศึกษา
วันนี้เด็กบางคนตัดสินใจไม่ไปโรงเรียน เพราะไม่รู้ว่าหากเกิดเหตุการณ์ขึ้น ครอบครัวจะมีความพร้อมในการอพยพหรือไม่ ดังนัันหากอยากทำให้เป็นหลักประกันไม่ให้เกิดความขัดแย้งขึ้นอีก การฟ้องศาล ICC สามารถทำได้ และไม่ได้เอาผิดเฉพาะความเสียหายที่เกิดขึ้นกับไทยเท่านั้น แต่สามารถหยิบประเด็นอื่นเช่นคอลเซ็นเตอร์ ที่เข้าองค์ประกอบและมีหลักฐานชัดเจนว่าผู้นำกัมพูชามีส่วนเกี่ยวข้อง การโจมตีที่มีเป้าหมายพลเรือน ประกอบกับปัญหาคอลเซ็นเตอร์ที่ทุกประเทศได้รับผลกระทบด้วย ตนเชื่อว่าสามารถสร้างเสถียรภาพตามพื้นที่แนวชายแดน และทำให้ทุกอย่างกลับคืนสู่ภาวะปกติที่สามารถนั่งคุยเจรจาได้อย่างประเทศศิวิไลย์ที่หาทางออกเลื่อนเส้นเขตแดน
เมื่อถามว่าทำไมประเทศไทยถึงไม่ยอมฟ้องฮุน เซน ต่อศาล ICC นายรังสิมันต์ กล่าวว่า รัฐบาลคงไม่เข้าใจว่า ICC มีกลไกอย่างไร และต้องยอมรับว่าไทยนั้นหลีกเลี่ยงกระบวนการระหว่างประเทศ เพราะมีประสบการณ์ที่ไม่ดีกับเรื่องนี้ และเชื่อมั่นในกลไกทวิภาคี ซึ่งกลไกทวิภาคีเป็นกลไกที่สำคัญและต้องมาลงรายละเอียดกัน การที่จะให้คนอื่นมาลงรายละเอียดแทนเราเป็นไปไม่ได้ ต้องยอมรับว่ากัมพูชาไม่ยอมใช้กลไกทวิภาคี แต่ถ้ามีกลไกใดที่ทำให้การเจรจากลับเข้าสู่วงทวิภาคีได้ คือการใช้กลไก ICC ที่สำคัญต้องไม่ลืมว่าหากปล่อยให้สถานการณ์บานปลายออกไป จากเดิมสถานการณ์ความขัดแย้งของคนไม่กี่คนใน 2 ประเทศ จะขยายตัวกลายเป็นความขัดแย้งระหว่างคนไทยและกัมพูชา ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น เพราะจุดเริ่มต้นความขัดแย้งไม่ได้เกิดจากคนไทยและกัมพูชา
ระหว่างสัมภาษณ์ มีชาวบ้านถามว่าความขัดแย้งเกิดจากใคร นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ทุกคนทราบดีว่ามีสาเหตุจากอะไร แต่หากอ้างอิงตามที่กระทรวงการต่างประเทศระบุไว้ คือเป็นปัญหาระหว่างรัฐบาลกับรัฐบาล เพราะฉะนั้น หากไม่อยากให้ความขัดแย้งขยายตัว ควรจบปัญหาที่เกิดขึ้นให้เร็วที่สุด จะได้กลับมาฟื้นฟูมีความมั่นใจเรื่องการลงทุน
ขณะที่นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า เรื่องนี้ ต้องใช้กลไกที่มีอยู่ทั้งระบบยุติธรรมในประเทศและต่างประเทศ ไม่สามารถดำเนินการด้วยกลไกอย่างใดอย่างหนึ่งได้ ต้องดำเนินการกดดันในทุกช่องทาง.
Advertisement