วันนี้ (18 สิงหาคม 2568) เวลา 18.00 น. ที่ตึกสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรมเวชชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายแพทย์พรหมมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี พลเอกณัฐพล นาคพานิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ แถลงการณ์ผลการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ภายหลังการหารือกันนานกว่า 3 ชั่วโมง
โดยนายภูมิธรรม เปิดเผยว่า จากการหารือในที่ประชุม ประเด็นแรกเราได้ประเมินสถานการณ์ ปัจจุบันยังต้องเฝ้าระวัง แต่ยังไม่ได้ขยายใหม่ ยังมีเรื่องกระทบกระทั่ง ปะทะกันอยู่ ต้อง เฝ้าติดตามทางฝ่ายกองทัพ และฝ่ายกลาโหม ต้องติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด ส่วนเรื่องการเจรจาเขตแดนทั้งหลาย ยังไม่จบง่าย ขณะนี้ยังมีสิ่งที่เราต้องรออยู่ว่า ประมาณวันที่ 25-27 สิงหาคมนี้ จะมีการประชุม RBC กันอยู่ รวมถึงวันที่ 8-10 กันยายน 2568 จะมีการประชุม GBC ที่เสียมราฐ ประเทศกัมพูชา ซึ่งวันที่ 8-9 กันยายน ก็จะเป็นการเตรียมการก่อนวันประชุมจริงคือวันที่ 10 กันยายน 2568
นายภูมิธรรมกล่าวต่อว่า เราได้มีการติดตามและให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการแจ้งเตือนผู้กระทำต่าง ๆ ให้ชัดเจนมากขึ้น เป็นเอกภาพและสื่อสารประสานงานกันอย่างเต็มที่ ขณะนี้เรื่องการขับเคลื่อนที่สร้างความสับสน สร้างความเข้าใจผิดในพี่น้องประชาชนด้วยกัน อย่างกระบวนการ IO อยากฝากให้พวกเราอย่าตกเป็นเหยื่อเรื่องนี้กับเขา และเราก็ดูตรงนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติเอาอธิปไตยของประเทศชีวิตทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง
เรื่องที่สอง คือ เราได้พูดเรื่องการดำเนินคดีตามกฎหมาย กรณีกัมพูชาใช้ กำลังทหารและ อาวุธยุทโธปกรณ์ รุกรานอธิปไตยของไทยเรื่องนี้ที่เคยพูดไว้ว่ามีหลายส่วนที่กระซิบพบกับทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนคนไทยและเราจะดำเนินคดี การฟ้องร้องกัมพูชา รวมทั้งผู้นำเป็นเรื่องที่ฝ่ายกฎหมายต้องพิจารณากัน เราได้มีการพิจารณาเรื่องนี้แล้ว ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รับเรื่องนี้ดู โดยให้กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ที่เป็นศูนย์รวมรับเรื่องราวร้องทุกข์จากพี่น้องประชาชน หน่วยราชการต่าง ๆ นิติบุคคลต่าง ๆ
ในการ ดำเนินการร้องเรียน เรื่องที่ตรงนั้นเสร็จแล้ว ให้ส่งอัยการสูงสุดและรับหน้าที่ในการฟ้อง ทั้งหมดจะเป็นการฟ้องในประเทศ คือการกระทบต่อความมั่นคง ชีวิตทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน โดยผู้ก่อเหตุอยู่ภายนอกประเทศ จุดสำคัญเรื่องนี้จะฟ้องเฉพาะในประเทศเท่านั้น จะไม่ไปฟ้องที่ กฎหมายระหว่างประเทศ เพราะว่าเราทำในหน้าที่กรอบตรงนี้ ถ้าไม่ทำ ก็ไม่ได้เพราะเราอาจโดนข้อหา 157 ที่ละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ชัดเจนว่าเราจะ ดำเนินการ โดยมีสำนักงานอัยการสูงสุดเป็น ทนายแผ่นดินและ เป็นตัวแทนในการรับเรื่องราวในการฟ้อง กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะเป็นตัวกลางในการที่จะสอบสวนกระบวนการทั้งหมดรวบรวมข้อมูลเอกสารต่าง ๆ
จากนี้ต่อไปก็จะต้องเฝ้าระวังให้เต็มที่มากขึ้นและเราจะดำเนินการติดตามแถลงการณ์เรื่องนี้ต่อจนกว่าการเจรจา การพูดคุยจะคลี่คลายไปในทิศทางไหนก็จะมีการปรับปรุงแก้ไขปรับเปลี่ยน จนกระทั่ง สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ
เมื่อถามว่าเป็นการฟ้องเป็นการฟ้องภายในประเทศ เราจะนำผู้ต้องหาเข้ามาได้หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ก็เป็นการฟ้องที่สามารถดำเนินการได้อย่างน้อยที่สุด ก็เป็นคดีที่ชนักปักหลัง เจอที่ไหนเมื่อไหร่ถ้าเข้ามาในประเทศเรา เราก็จับ
ผู้สื่อข่าวถามต่อมาว่า จะเป็นการฟ้องใคร ฮุนเซนหรือฮุน มาเนตนั้น นายภูมิธรรมระบุว่า ให้อัยการสูงสุดกับคดีทั้งหมดได้ดูและรวบรวม และดำเนินการในข้อเท็จจริงตามกฏหมาย
ส่วนจะฟ้องในเจตนาฆ่าหรือไม่ นายภูมิธรรมว่า ตนไม่ใช่ทนาย เป็นคดีทั้งอาญาและแพ่งซึ่งอัยการสูงสุดหลังจาก การสอบสวนจากกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 แล้วก็จะเริ่มดำเนินคดี
เมื่อถามว่า เราใช้หลักอะไรในการฟ้องเพียงในประเทศ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เป็นเหตุการณ์ที่กระทบชีวิตทรัพย์สินในประเทศ รวมทั้งสถานที่ราชการต่าง ๆ แต่ว่าผู้ก่อเหตุเกิดนอกประเทศ วันนี้เราก็ดำเนินการในประเทศที่เรามีอำนาจหน้าที่ทำได้เลย ส่วนต่างประเทศเราไม่ได้รับขอบเขตอำนาจของศาล เพราะฉะนั้นจึงยังไม่ไปถึงตรงนั้น
ส่วนต่างประเทศเราไม่ได้รับขอบเขตอำนาจศาลโลก ส่วนจะหาสืบหาเส้นทางการเงินของนักการเมืองในไทยของสมเด็จฮุนเซนในไทยหรือไม่ เป็นเรื่องที่จะต้องพิจารณาอย่างเหมาะสม หากจะทำก็ยังพูดไม่ได้ เพราะไม่ใช่เรื่องที่มาคุยกัน
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า แสดงว่าถ้าทำก็อาจจะรู้ตัว ถ้าเราพูด เราก็ห้ามพูดใช่หรือไม่นายภูมิธรรมระบุว่า ไม่ใช่ ยังไม่ได้ตัดสินใจเรื่องนี้ เป็นเรื่องการดำเนินการตามปกติของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แล้วเขาจะดำเนินการอย่างนี้ เขาก็จะไม่ออกมาพูดกันว่า ฉันจะไปดำเนินการติดตามอะไรแบบนั้น เป็นหน่วยของหน่วยราชการและกระบวนการยุติธรรม
โดยในช่วงท้ายของการแถลงข่าว นายภูมิธรรม ยืนยันว่าศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ยังคงอยู่ “ยังไม่ได้พูดว่าจะยุบเลยซักคำ”
Advertisement