วันที่ 16 ส.ค.68 จากกรณีเมื่อวันที่ 15 ส.ค. คณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) นำโดย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้รับทราบความคืบหน้าจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กรณีคดีพิเศษที่ 24/2568 การสมคบกันในความผิดฐานฟอกเงินของบุคคลหรือคณะบุคคลที่กระทำความผิดฐานอั้งยี่ฯ ตามมาตรา 209 แห่งประมวลกฎหมายอาญา และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือคดีอั้งยี่-ฟอกเงิน สว. ซึ่งเป็นความคืบหน้าของการดำเนินการตั้งแต่วันที่ 31 มี.ค.68 จนถึงปัจจุบัน
โดยที่ผ่านมาได้มีการสอบพยานที่เกี่ยวข้องไปทั้งสิ้น 90 ปาก มีการจัดทำเหตุการณ์จำลองทั้งสถานที่ใช้ในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) และกระบวนการคัดเลือกพร้อมขอรับภาพเคลื่อนไหวจากกล้องวงจรปิดที่เกี่ยวข้องในวันเกิดเหตุจากหลายหน่วยงาน มีการตรวจสอบร่องรอยทางการเงินพบว่ามีความเชื่อมโยงกัน 1,200 คน
ทั้งนี้ เพื่อพิสูจน์ทราบความสัมพันธ์ของกลุ่มขบวนการได้มีการตรวจสอบข้อมูลโทรศัพท์ จากข้อมูลการสืบสวนพบว่ามีผู้ช่วยสมาชิกวุฒิสภาและสมาชิกวุฒิสภาเกี่ยวข้องในพื้นที่ 45 จังหวัด เป็นเหตุให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ เตรียมออกหมายเรียกผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภาอีก 1,200 ราย เพื่อเข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติมในฐานะพยาน และเนื่องด้วยทางคดีมีพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องค่อนข้างมาก อธิบดีฯ จึงได้มอบหน่วยงานภายในสังกัดรวม 10 กองคดีที่เป็นคณะพนักงานสอบสวน เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จ
โดยคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษอั้งยี่-ฟอกเงิน สว. เปิดเผยว่า สำหรับหมายเรียกพยาน จำนวน 1,200 ราย ที่คณะพนักงานสอบสวนได้ออกไปนั้น ส่วนใหญ่คือกลุ่มคนที่มีบทบาทเข้ามาเกี่ยวข้องในขบวนการเพื่อเป็นโหวตเตอร์ หรือกลุ่มพลีชีพ โดยมีปรากฏตั้งแต่ระดับการเลือก สว. ในระดับอำเภอ จังหวัด และประเทศ เพื่อโหวตเลือกบุคคลที่สมัครสมาชิก สว. ตามโพย โดยไม่เลือกตัวเอง
ซึ่งถ้าในขั้นตอนการสอบสวนปากคำพยาน รายใดมีการยอมรับหรือให้การเพิ่มเติมว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคนกลุ่มไหน กลุ่มของใคร ก็จะเห็นความชัดเจนเกี่ยวข้องสัมพันธ์มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะความเกี่ยวโยงกับนักการเมืองในพื้นที่ เนื่องจากการสืบสวนยังพบว่ามีร่องรอยทางการเงินเข้ามาเชื่อมโยงกันมากถึง 45 จังหวัด อาทิ มีการโอนเงิน-รับโอนเงินระหว่างกันของคนในพื้นที่ นักการเมืองในพื้นที่ และขบวนการจัดฮั้ว เป็นต้น
และด้วยจำนวนพยาน 1,200 รายที่ต้องสอบปากคำ มีการกระจายตัวอยู่ตามพื้นที่จังหวัดต่างๆ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน จึงมอบหมายให้ 10 กองคดีที่มีพนักงานสอบสวน ซึ่งมีความเชี่ยวชาญ มีประสบการณ์การสอบปากคำในคดีซับซ้อน มีคนจำนวนมาก มีนิติกรรมทางการเงิน เข้ามาดำเนินการรับผิดชอบสอบปากคำ และจะได้รวบรวมรายงานผลการสอบปากคำของแต่ละคณะทำงานมาหารือความคืบหน้ากันอีกครั้งในที่ประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ
ทั้งนี้ ประเด็นที่จะใช้ในการสอบปากคำพยาน 1,200 ราย ยกตัวอย่าง เดิมทีผู้สมัคร สว. เหล่านี้สมัครในกลุ่มอาชีพอะไรบ้าง อยู่กลุ่มใด และให้ชี้แจงเรื่องธุรกรรมการเงินที่พนักงานสอบสวนพบในสำนวนว่าเป็นเงินดำเนินการจากกิจกรรมใด ได้รับโอนมาจากใคร เป็นค่าดำเนินการอะไร สิ่งเหล่านี้พยานต้องชี้แจงให้ชัดเจน
คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษอั้งยี่-ฟอกเงิน สว. เปิดเผยอีกว่า สำหรับการประสานขอเอกสารกับวุฒิสภา เรื่องการแต่งตั้งผู้ช่วย ผู้เชี่ยวชาญ และที่ปรึกษาประจำตัว สว. ของ สว. 200 ราย ที่ดีเอสไอได้เร่งติดตามมาตลอดนั้น ล่าสุดยังคงไม่ได้รับเอกสารจากวุฒิสภาแต่อย่างใด แต่ก็ไม่ถือเป็นอุปสรรค พนักงานสอบสวนจะมีการติดตามสอบถามต่อเนื่องควบคู่ไปกับการสอบสวนพยานกลุ่มต่าง ๆ ตามที่มีข้อมูลปรากฏ เพื่อให้มีความรอบคอบ รัดกุม เป็นธรรม
Advertisement