วันที่ 14 ส.ค. 68 จากกรณี นาย ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เตรียมฟ้องนักวิชาการบางคนที่บอกให้ตนเองลองตัดขา จะได้รับรู้หัวอกทหารนั้น
รศ.ดร.ธนพร ศรียากูล ผู้อำนวยการสถาบันวิเคราะห์การเมืองและนโยบาย ให้สัมภาษณ์กับ “ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี” ว่า ตัวนายภูมิธรรมนั้นหมายถึงตนเอง รู้สึกว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่รองนายกรัฐมนตรีที่เป็นระดับผู้นำประเทศจะมาฟ้องร้องดำเนินคดีกับตนเอง
ซึ่งตนก็ไม่ได้รู้สึกกังวลใจอะไร และพร้อมที่จะดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรตนเองก็น้อมรับ และจะไม่มีการฟ้องร้องกลับโดยเด็ดขาด เพราะว่าตนเองกล้าวิพากษ์วิจารณ์ตามหน้าที่นักวิชาการส่งเสียงแทนประชาชนก็ต้องยอมรับผลที่ตามมาได้
รศ.ดร.ธนพร กล่าวต่อว่า การให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อของตนเองนั้น เรื่องขาขาดตนเองก็ยึดหลักข้อเท็จจริงที่ปรากฏอยู่ทุกวัน และผลสำรวจของสถาบันการศึกษาต่างๆ ก็เป็นข้อมูลวิชาการที่ตนเองหยิบยกขึ้นมา ที่ผ่านมาตนเองก็ยังไม่เห็นว่าทางฝั่งรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยจะมีข้อมูลทางวิชาการมาโต้แย้งตนเองแต่อย่างใด ส่วนหลังจากนี้ตนเองจะกล้าวิพากษ์วิจารณ์ในประเด็นเหล่านี้หรือไม่นั้น ตนเองยืนยันได้ว่าตนเองนั้นตรงไปตรงมากับเรื่องลักษณะนี้อยู่แล้ว เราอยู่ในสังคมเสรีประชาธิปไตยจึงต้องใจกว้างรับฟังทุกความคิดเห็น เพราะว่าทุกคนย่อมมีความเห็นต่างกันไปเป็นเรื่องปกติ
รศ.ดร.ธนพร ยังพูดถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาที่เกี่ยวโยงกับสถานการณ์บ้านเมืองในประเทศไทยว่า เชื่อว่าอาจจะมีทหารขาขาดเกือบทั้งกองทัพ หากรัฐบาลชุดนี้ยังอยู่ในตำแหน่ง จนกว่าวันที่ 29 ส.ค. นี้ ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีนัดชี้ชะตา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.วัฒนธรรม ในประเด็นเรื่องคลิปเสียงกับนาย ฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา หากผลการตัดสินมาเป็นประโยชน์กับ น.ส.แพทองธารก็หมายความว่าตัว นาย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี สามารถโกงความตายให้กับลูกสาวได้ หากโกงความตายสำเร็จ คนไทยก็เตรียมรับสภาพว่าจะ ต้องมีการสู้รบกันอีก ต้องมีคนตาย คนพิการ ประชาชนต้องอพยพ และทหารไทยนั้นขาขาดเพิ่มเติมอย่างแน่นอน
แต่ถ้าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไม่ให้ น.ส.แพทองธารไปต่อ ก็ต้องมีการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่เข้ามาทำหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม จะเป็น พล.อ.ประวิตรวงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ หรือ นาย อนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ทำให้คนไทยมั่นใจได้อย่างหนึ่งว่า คนพวกนี้ไม่กลัวนาย ฮุน เซน ไม่มีผลประโยชน์ต่อกันอำนาจการต่อรองมากกว่ารัฐบาลชุดปัจจุบัน เพราะต้องยอมรับว่าทุกวันนี้นาย ฮุน เซน กับ นายทักษิณ เป็นเหมือนการตบจูบกัน เพราะวันหน้าหากมีผลประโยชน์ทับซ้อนกัน ก็จะกลับมาคืนดีกันเหมือนเดิม รัฐบาลจึงอยู่ในสถานะอีหลักอีเหลื่อ ซึ่งแน่นอนว่า 29 ส.ค.นี้ จะยึดโยงกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างแน่นอน หาก น.ส.แพทองธารได้ไปต่อ ทหารก็ขาขาด หรือไม่ก็เสียชีวิต รัฐบาลก็จะเอาเงิน 10 ล้านบาทฟาดหัว สถานการณ์ชายแดนก็ไม่สงบการค้าระหว่างชายแดนเศรษฐกิจก็ไปต่อไม่ได้
Advertisement