วันที่ 14 ส.ค. 68 นาย กมล รอดคล้าย สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การศึกษา การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม วุฒิสภา กล่าวว่า สืบเนื่องจากเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา ส่งผลกระทบทั้งต่อพี่น้องประชาชนและเด็กๆ ที่ศึกษาอยู่ในเขตพื้นที่เป็นอย่างมาก ดังนั้น กมธ.จึงมีข้อเสนอไปยังรัฐบาล เพื่อขอให้พิจารณาปรับลดโครงการความร่วมมือ และความช่วยเหลือด้านการศึกษา ที่ประเทศไทยมีต่อกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน หรือเด็กจากประเทศที่ผู้ปกครองมาทำงานในประเทศไทย และลูกหลานจะต้องมาอาศัยในประเทศไทย โดยเฉพาะประเทศกัมพูชา
โดยเห็นควรดูแลเด็กที่เข้าเมืองอย่างถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น ส่วนเด็กที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย หรือเดินข้ามาชายแดนมาเรียนในไทย ควรลดหรือระงับการช่วยเหลือ ซึ่งปัจจุบันไทยดูแลเด็กต่างด้าวที่เข้ามาศึกษาในประเทศไทยรวมประมาณ 184,000 คน โดยแบ่งเป็นเด็กที่ศึกษาในโรงเรียนของสำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) โรงเรียนเอกชน กรมส่งเสริมการเรียนรู้ และอาชีวะ จำนวน 108,000 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็กกัมพูชา 17,000 คน ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 80,000 คน เป็นเด็กที่พ่อแม่เข้าเมืองไม่ถูกกฎหมาย หรือเดินข้ามชายเเดนมาเรียน ซึ่งมีค่าใช้จ่ายเรียนฟรี 5 รายการ สูงถึงปีละประมาณ 837 ล้านบาท แต่ถ้าคิดเป็นค่าใช้จ่ายต่อหัวจะยิ่งสูงขึ้นไปอีก เพราะหากรวมเงินเดือนครู อาคารสถานที่ งบบริหารจัดการ จะใช้งบประมาณถึง 20,000-30,000 บาท ต่อคน
โดยไทยได้ให้การสนับสนุนเรียนฟรีแก่เด็กต่างด้าวเหล่านี้ใน 5 เรื่อง คือ 1. ค่าเล่าเรียน 2. เครื่องแต่งกาย 3. อุปกรณ์การเรียนการสอน 4. ตำราเรียน 5.การพัฒนาคุณภาพการเรียนเด็ก และยังมีอาหารกลางวันและนมโรงเรียนอีกด้วย ซึ่งต่อกรณีนมและอาหารกลางวันนี้เเม้แต่เด็กไทยเเท้ๆ หากเรียนในโรงเรียนเอกชนยังได้งบสนับสนุนเพียงเเค่ 30 เปอร์เซนต์ของจำนวนเด็กทั้งหมด
นอกจากนี้ ยังเห็นควรให้ทบทวน และชะลอโครงการความร่วมมือด้านการศึกษากับประเทศกัมพูชา โดยปรับลดงบประมาณการให้ความช่วยเหลือ เช่นทุนการศึกษาระดับอุดมศึกษา และเพิ่มโควต้าการศึกษาแก่เด็กในประเทศที่เป็นพันธมิตรกับไทยเเทน อาทิ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม สาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์-เลสเต และราชอาณาจักรภูฏาน เป็นต้น
นอกจากนั้นความร่วมมือด้านการเเลกเปลี่ยนนักศึกษา การยกระดับคุณภาพโรงเรียนในกัมพูชาระดับประถม มัธยม อาชีวศึกษา หรือศูนย์การศึกษา ณ มหาวิทยาลัยพนมเปญ และความร่วมมือด้านการวิจัยพัฒนาต่างๆความระงับหรืองดความช่วยเหลือไวัอย่างน้อยในช่วงปัจจุบัน
ยืนยันว่า ประเทศไทยได้ดูแลเด็กไทยและเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎร์ ไม่มีสัญชาติไทย กลุ่มชาติพันธุ์ เด็กด้อยโอกาส บุตรหลานของผู้ปกครองย้ายถิ่นฐาน เด็กเปราะบาง และบุตรหลานของแรงงานต่างด้าวอย่างยุติธรรม โดยยึดหลักอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กและความเป็นมิตรระหว่างประเทศเป็นแนวทางในการดำเนินการของไทยมาโดยตลอด และในอนาคตหากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชากลับสู่สภาวะปกติ ประเทศไทยพร้อมเปิดบ้านต้อนรับและให้ความช่วยเหลือด้านการศึกษาแก่เด็กทุกคน
Advertisement