วันที่ 4 ส.ค. 68 ที่กระทรวงการต่างประเทศ นาย นิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารยิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ตอบคำถามสื่อมวลชนถึงกรณีที่ พล.อ. โมฮัมหมัด นิซาม จาฟฟาร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดมาเลเซีย ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะติดตามการหยุดยิงไทย - กัมพูชา ให้สัมภาษณ์กับสื่อของมาเลเซีย ยืนยันว่า ทหารกัมพูชาทุกคนที่อยู่ในความควบคุมของไทยได้รับการปฏิบัติอย่างดี ซึ่งขัดแย้งกับที่ฝ่ายกัมพูชาเสนอข่าว และร้องเรียนต่อสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) ว่า ไทยทรมานและปฏิบัติต่อทานกัมพูชาอย่างไร้มนุษยธรรม แสดงให้เห็นถึงผลเชิงประจักษ์ของหลักฐาน และการชี้แจงของฝ่ายไทย และความล้มเหลวของการบิดเบือนข้อมูลจากฝ่ายกัมพูชาหรือไม่ว่า
ขอย้ำในสิ่งที่ได้พูด และเชื่อมั่นมาตลอดว่าความจริงเท่านั้นที่จะชนะ ไทยสามารถพิสูจน์ได้ในทุกสิ่งที่พูด จากการที่มาเลเซียสนับสนุนสิ่งที่ไทยได้กล่าว แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าการบิดเบือนข้อมูลของฝ่ายกัมพูชานั้นล้มเหลว ยืนยันว่าไทยปฏิบัติต่อผู้ที่ถูกควบคุมตัวอย่างมีมนุษยธรรม และเป็นไปตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศทุกประการ ระบุว่าในวันพรุ่งนี้ (5 ส.ค.68) ไทยจะเชิญองค์การระหว่างประเทศไปพบกับทหารกัมพูชาที่ถูกควบคุมตัวอยู่ขณะนี้ด้วย
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ย้ำด้วยความเชื่อมั่นว่า สิ่งที่ไทยพูด ไม่มีการบิดเบือนใดๆ เป็นการถ่ายทอดความจริงทุกประการ หน่วยงานต่างๆ ในระดับสากลสามารถตรวจสอบได้ ซึ่งเป็นเรื่องดีที่ประชาคมโลกจะได้ทราบข้อเท็จจริงถึงการปฏิบัติของไทย
เมื่อถามว่า เรื่องการโจมตีเป้าหมายโรงพยาบาล มีข้อกฎหมายใดที่เอาผิดฝั่งกัมพูชาได้บ้าง นายนิกรเดช กล่าวว่า มีแน่ ข้อกฎหมายระหว่างประเทศที่กำกับว่าผู้กระทำความผิดจะต้องชดใช้ ขอเรียนตรงๆ ว่ากระทรวงการต่างประเทศกำลังดำเนินการแบบคู่ขนาน ดูว่าสิ่งที่เราจะต้องเรียกร้องจากฝ่ายที่รุกรานเราคืออะไรบ้าง ไม่ใช่แค่ค่าเสียหาย มีมากกว่านั้น
“ตอนนี้มีเรื่องที่ด่วนกว่านั้นคือการทำให้ฝ่ายกัมพูชาเคารพในตัวเองเคารพ ในข้อตกลงหยุดยิง เลิกยุยงปั่นข้อมูลข่าวสารที่เป็นข้อมูลผิด สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ไม่ใช่ความจริงใจ ไม่ใช่ความตั้งใจจริงของประเทศเพื่อนบ้านที่พึงจะกระทำ ถ้าบอกว่าอยากหยุดการสู้รบอยากมีการยุติ ความขัดแย้งจริง คุณควรหยุดทำเรื่องพวกนั้น ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่พวกเราจะต้องโฟกัสกัน” นายนิกรเดช กล่าว
Advertisement