พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวก่อนการประชุม การบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. หลังจากที่ล่าสุดสถานการณ์ในช่วงเช้าที่ผ่านมาเกิดเหตุปะทะบริเวณปราสาทตาเมือนธม ว่า ถ้าพูดถึงขั้นนี้ คงไม่คุยกันแล้ว ที่ผ่านมาเราพยายามเชิญชวนเขามาพูดคุยแบบทวิภาคี แก้ไขปัญหาผ่านกระบวนการที่เรามีอยู่ สิ่งที่ตนยื่นให้เขาเสมอ คือ ทั้งสองฝ่ายต้องเคลื่อนย้ายกำลังออกจากบริเวณพื้นที่ชายแดน เพราะถ้ายังอยู่กันอาจมีเหตุการณ์ที่กระทบกระทั่งกันได้
ที่ผ่านมาจากประสบการณ์ ทหารกัมพูชาไม่มีวินัย ยั่วยุ แต่ผู้บังคับบัญชาบอกยึดแนวทางสันติ ตนมอง 2 อย่าง ถ้าผู้บังคับบัญชาจริงใจ ต้องดำเนินการสอบสวน ความเป็นจริง หรืออีกอย่างคือรัฐบาลไม่จริงใจ ดังนั้นจากเหตุการณ์วานนี้ได้หารือกับทางกองตัดสินใจมอบอำนาจให้ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในการอำนวยการยุทธต่อไป เป็นไปตาม พ.ร.บ. จัดระเบียบกระทรวงกลาโหมมาตรา 39 โดยวานนี้จากที่มีการหารือกับแม่ทัพภาคที่ 2 จะวางลวดหนาม ในพื้นที่ที่กัมพูชามักจะล่วงล้ำเข้ามา และจากเหตุการณ์วานนี้ทำให้เห็นว่านอกจากจะรุกล้ำเข้ามาแล้ว ยังประสงค์ร้ายกับฝ่ายไทยด้วย
พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้รับรายงานถึงเหตุปะทะ โดยได้รับรายงานเบื้องต้นขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการปฏิบัติการ
"ผมไม่อยากจะไปซักถามอะไรเขามาก รอให้รายงานในรายละเอียด และเวลา 08.20 น ที่ผ่านมา ฝ่ายไทยได้ไปวางลวดหนามฝ่ายกัมพูชาได้ยิงกลับมา"
ส่วนหลังจากนี้ไทยจะต้องมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มี เพราะกองบัญชาการกองทัพไทย สามารถบัญชาการได้ตามกฎหมายแล้ว ซึ่งวันนี้ในช่วงเช้าผู้บัญชาการทหารสูงสุดจะหารือกับผู้บัญชาการเหล่าทัพ
"และจากนี้ผมจะไม่พูดแล้ว ลดการพูดลงเพราะเข้าสู่ฟังก์ชันใหม่แล้ว ส่วนแผน จักรพงษ์ภูวนาถ ยังจะไม่มีการใช้ ถ้าผู้สื่อข่าวดูในคำสั่งดีๆ จะใช้เมื่อสั่ง แผนนี้ต้องมาพูดคุยกันก่อนด้วย ซึ่งวันนี้ผู้บัญชาการทหารสูงสุด จะได้พูดคุยกับผู้บัญชาการเหล่าทัพจะหารือกันแล้ว"
เมื่อถามว่าอยากจะบอกอะไรกับประชาชนในสถานการณ์เช่นนี้ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ต้องแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 1 ในส่วนของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ขอให้มั่นใจว่า กองทัพไทยจะปกป้องอธิปไตย ไม่ให้ใครมาล่วงล้ำดินแดนของเราได้เป็นอันขาด ต้องกราบขออภัยและให้กำลังใจประชาชนตามแนวชายแดน ที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติการครั้งนี้
"ทางกองทัพไทย อดทนอดกลั้นจนถึงที่สุดแล้ว ต่อไปเราจะไม่อดทนแล้ว มันเป็นการปฏิบัติของทหารกัมพูชาที่เรารับไม่ได้ เพราะฉะนั้นต้องกราบขออภัยประชาชน ตามแนวชายแดนด้วย ฝากประชาชนทุกท่าน ให้กำลังใจกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ ตามแนวชายแดนโดยเฉพาะในพื้นที่ กองทัพภาคที่ 2"
เมื่อถามต่อว่า จุดอื่นมีรายงานการปะทะเข้ามาแล้วหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล ยืนยันว่ายัง ต้องกล่าวว่าขอความร่วมมือจากสื่อมวลชน ในขณะที่ทหารปฏิบัติการ ขออย่าพยายามซักถาม เพราะเหตุการณ์หลายเหตุการณ์ที่ผ่านมา ไปกัมพูชาจะทราบทั้งหมด เพราะสื่อมวลชนได้ถ่ายทอด สถานการณ์ ฝ่ายเรา ขณะนั้นออกไป ทั้งนี้ตนเข้าใจสื่อมวลชน ว่าต้องพยายามหาข่าว ให้กับประชาชนที่อยู่ข้างหลังและอยากให้กำลังใจทหารได้รับทราบ พร้อมย้ำว่าตนมั่นใจในดุลยพินิจของสื่อมวลชน เข้าใจอยู่แล้วว่าแค่ไหนคือจุดที่เหมาะสม ไม่ได้ห้ามแต่ขอให้ใช้ดุลยพินิจเอาก็แล้วกัน ขนาดตนได้รับรายงาน ก็รับทราบเอาไว้ เพราะขณะนี้อยู่ระหว่างสถานการณ์จะไม่มีการซักถามว่าผลเป็นอย่างไร ขอรอให้เหตุการณ์คลี่คลายลง จึงจะซักถาม
ส่วนบริเวณแนวชายแดนกองทัพภาคที่ 1 เช่น จ.จันทบุรี ปราจีนบุรี สระแก้ว และตราด จะมีมาตรการเพิ่มเติมเพื่อดูแลประชาชนอย่างไร พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ที่หารือกันเบื้องต้น ณ วันนี้ คงปิดชายแดนทั้งหมดและจะนำเข้าสู่ที่ประชุม ศบ.ทก. แต่จะยืนยันไปตามที่กองทัพเสนอ เพื่อให้กองทัพมีความชอบธรรมในการปฏิบัติการ จริงๆ อำนาจให้กับกองทัพไปแล้ว เพียงแต่ ศบ.ทก. เข้ามารับทราบ และในช่วงบ่าย นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี จะนำการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช.
พล.อ.ณัฐพล ยังย้ำกับประชาชนว่า ในการปฏิบัติเราได้มอบให้กับกองทัพไทยไปแล้ว ตามมาตรา 39 พ.ร.บ.จัดระเบียบกลาโหม พ.ศ 2551 เพียงแต่กระบวนการที่ตามมา เป็นการรองรับความชอบธรรมให้กับกองทัพไทย เท่านั้นเองในการปฏิบัติ เพราะเราต้องปฏิบัติทุกอย่างตามกฎหมาย
เมื่อถามว่าขณะนี้ได้มีการอพยพประชาชนตามแนวชายแดนแล้วหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงมหาดไทยได้เตรียมการมาก่อนหน้านี้แล้ว จึงไม่มีปัญหา แล้วเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมามีสื่อมวลชนได้ไปสัมภาษณ์ชาวบ้านตามแนวชายแดน ตนได้ฟังแล้วก็รู้สึกดีใจ ในยามที่สถานการณ์เป็นเช่นนี้ แต่ประชาชนตามแนวชายแดนมีความเข้าใจสถานการณ์และยินดีให้ความร่วมมือ ซึ่งการประชุม ศบ.ทก. วันนี้ บทบาทของศบ.ทก.จะเป็นผู้สนับสนุน ให้กับกองทัพไทยในการปฏิบัติการ และตนจะกลับไปให้บทบาทความสำคัญกับกองทัพโดยมอบหมายให้เลขาธิการ สภาความมั่นคงแห่งชาติ ดูรายการประชุม ศบ.ทก.
เมื่อถามว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางกัมพูชาไม่เคยออกมายอมรับผิด ทางการไทยจะนำเรื่องไปยื่นต่อองค์การสหประชาชาติและประเทศต่างๆ หรือไม่ พล.อ.ณัฐพล ย้อนถามกลับสื่อว่า แล้วคิดว่าที่ผ่านมา กัมพูชาเคยออกมายอมรับผิดเรื่องใดบ้าง เป็นเรื่องธรรมดาที่ตนได้เห็นถึงความไม่จริงใจ แต่ขณะเดียวกันไทยจะไปทำแบบนั้นก็ไม่ได้จะกลายเป็นศีลเสมอกัน และเวลามีปัญหาที่จะต้องนำมาพิจารณาสอบสวน ตรวจสอบ กลายเป็นว่าเราก็เป็นเหมือนกัน ดังนั้นเราต้องยึดมั่น ว่า อะไรที่ใช่ อะไรที่ไม่ใช่ อะไรที่ไม่ถูก เราก็ต้องเป็นไปตามนั้น เราจะไม่ทำศีลเสมอกันกับเขา
เมื่อถามว่าจะทำอย่างไรให้ประชาชนมั่นใจว่าเหตุการณ์จะไม่บานปลายไปมากกว่านี้ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า เราพยายามที่จะไม่ให้เหตุการณ์บานปลาย แต่หากกัมพูชาล่วงล้ำอธิปไตยไทยเราก็ยอมไม่ได้
พล.อ.ณัฐพล กล่าวอีกว่า ขอให้สื่อมวลชนทุกคนได้ทำความเข้าใจกับประชาชน ว่าเรายึดถืออธิปไตยยึดถือผลประโยชน์ของชาติเป็นอันดับแรก แต่หากกัมพูชาล่วงล้ำหรือละเมิด ก็คงไม่สามารถที่จะหยุดได้ก็ต้องว่าไปตามกระบวนการ ซึ่งเรื่องนี้เรามีกฎหมาย กฎการใช้กำลัง ที่ได้กำหนดเอาไว้แล้ว ซึ่งทางเหล่าทัพก็ทราบเรื่องนี้ดี
Advertisement