นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และ หัวหน้าพรรคประชาชน แถลงข่าวภายหลังสภาฯโหวตร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ว่า ตนในฐานะหัวหน้าพรรคและสมาชิกพรรคมาแถลงผลการลงมติ ซึ่งผลพบว่าผ่าน 3 ร่าง มีเพียงร่างของพรรคประชาชน และภาคประชาชนไม่ผ่านรับหลักการในวาระที่ 1 ตนเข้าใจเพื่อนและประชาชนที่รู้สึกผิดหวัง รู้สึกโกรธ ไม่พอใจ และการนิรโทษกรรมมีแนวโน้มที่จะนิรโทษให้บางกลุ่ม ไม่สามารถแก้ไขความขัดแย้งได้จริง ตนและเพื่อนสมาชิกขอยืนยันว่า เราเชื่อในระบบรัฐสภาฯ ซึ่ง 3 ร่างที่ผ่านการพิจารณาในวาระที่ 1 โดย 2 ใน 3 ร่าง ยังเปิดกว้างอยู่
สัดส่วนกรรมาธิการพรรคประชาชน จะใช้กลไกทุกอย่างในสภา เพื่อเปิดประตูเปิดกว้างในนิรโทษกรรมให้ครอบคลุมทุกฝ่ายให้มากที่สุด ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกตนมายืนยันในการทำหน้าที่ต่อไป เข้าใจความรู้สึกทุกคน ตนเป็นอีกคนในฐานะประชาชนที่ร่วมทำงานล่ารายชื่อกับไอลอว์ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตนทราบดีว่าเรื่องเสนอร่างกฎหมายมาจากประชาชนนั้นมีตวามลำบากกว่าร่างของ สส. ซึ่งตนได้คาดหวังร่างของภาคประชาชนจะผ่านเพื่อจะได้มีสัดส่วนกรรมาธิการภาคประชาชนเข้าพิจารณาในวาระที่ 2 ด้วย
อย่างไรก็ตามผลการลงมติของสภาฯ วันนี้ ทำให้หลายคนผิดหวัง ไม่เป็นไปตามที่คิด แต่ในฐานะพรรคการเมืองที่ประชาชนเลือกมา ตนและสมาชิกพรรคจะทำงานอย่างมีวุฒิภาวะ และไม่ละทิ้งความหวัง ในชั้นกรรมธิการจะผลักดันให้การนิรโทษกรรมเปิดประตูและเปิดกว้างมากที่สุด
นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า จากนี้จะไปสู้ต่อในชั้นกรรมาธิการ หลักการที่เรายืนยันได้คือหากกฎหมายฉบับนี้พิจารณาเข้าสู่วาระที่ 3 ได้ทันก่อนยุบสภาฯ จะเป็นร่างกฎหมายที่เลือกปฏิบัติ ไม่ครอบคลุมทุกกลุ่ม เราก็ยังไม่สามารถรับร่างนี้ให้ผ่านสภาฯ แต่วันนี้กระบวนการยังไม่ถึงจุดสิ้นสุด เราจึงทิ้งความหวังไม่ได้ ฉะนั้นส่วนกรรมาธิการพรรคประชาชนพร้อมทำงานเต็มที่
นายณัฐพงษ์ ระบุว่า มีทั้งเป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้ ความเป็นไปไม่ได้คือยุบสภาฯ ก่อนกฎกมายพิจารณาได้ทัน ทุกอย่างมีความเป็นไปได้หมด ส่วนจะออกมาเป็นทิศทางใดขอให้ติดตามต่อไป อย่างไรก็ตามในช่วงอายุสภาอยู่ที่มีการแระเมินว่าอายุไม่มากนักจากสถานการณ์ไร่เสถียรภาพรัฐบาล พรรคประชาชนพร้อมใช้ 142 เสียงในสภาเพื่อผลักดันกฎหมายที่มีแระโยชน์ให้กับประชาชน
ขณะเดียวกัน นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการ iLaw กล่าวถึงร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฉบับประชาชนที่ถูกสภาตรีตก ว่า หากนิรโทษกรรมเพียงบางคนบางกลุ่มไม่ได้ไปพร้อมกัน ไม่ได้เรียกว่าสร้างสังคมสันติสุข และเป็นต้นเหตุของความขัดแย้งระลอกใหม่ที่จะเกิดขึ้น ซึ่งเราได้แถลงหลักการและเหตุผลต่อสภาไปหมดแล้ว แต่สภาได้มี มติรับหลักการนิรโทษกรรมฉบับประชาชนไม่ถึงครึ่งทำให้ร่างตกไป และขอยืนยันว่า ถ้าสภาจะเดินหน้าในวาระ 2 และ 3 โดยกีดกันคนบางส่วน ไม่ให้มีสิทธิ์ได้รับนิรโทษกรรมเลย ไม่เปิดช่องแยกแยะประเภทประเด็น
ตนมองว่าไม่ถูกต้องรวมถึงสภา กำลังนิรโทษกรรมความผิดที่เจ้าหน้าที่รัฐเป็นผู้กระทำต่อประชาชนซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการแสดงออกทางการเมือง ไม่ได้เป็นไปเพราะการชุมนุมทางการเมือง แต่เป็นการใช้อำนาจมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ หากในวาระที่ 2 ไม่มีการปรับปรุงแก้ไขในส่วนนี้ตน ก็ขอยืนยันว่าจะไม่มีทางประสบความสำเร็จด้านการสร้างสังคมสันติสุข สร้างความสมานฉันท์ปรองดองได้ และก็จะขอคัดค้านการออกกฎหมายนิรโทษกรรมแบบเลือกปฏิบัติ
ขณะที่นางสาวพูนสุข พูนสุขเจริญ ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2557 มีผู้ต้องคดีที่เป็นฐานความผิดทางการเมืองอย่างน้อย 34 ฐานความผิด ซึ่งร่างหลักที่ผ่านเข้าไปในสภาวันนี้ โดยร่างของนายวิชัย สุดสวาสดิ์ สส.ชุมพร พรรครวมไทยสร้างชาติ มีฐานความผิดแค่ 20 ฐานความผิดเท่านั้น แปลว่าอีก 14 ประเภทความผิดจะไม่ถูกนับรวม อยู่ในการนิรโทษกรรมครั้งนี้ ซึ่งรวมฐานความผิดมาตรา 112 อยู่ด้วย
" จึงเกิดเป็นคำถามไปถึงสภาผู้แทนราษฎรว่า วันนี้ออกกฎหมายนิรโทษกรรม โดยที่ไม่รวมทุกกลุ่มเพื่อประโยชน์ กับคนกลุ่มใดเป็นการที่คลายความขัดแย้งจริง ๆ หรือ แล้วฝากให้ติดตามคดีมาตรา 112 และคดีอื่น ที่เกี่ยวกับการเมืองยังคงอยู่ ถ้ารัฐบาลจริงใจอยากแก้ไขปัญหาจริง ๆ อย่างน้อย ต้องแก้ไขกฎหมายก็สามารถช่วยเหลือได้ " นางสาวพูนสุขกล่าว
นายยิ่งชีพ กล่าวเพิ่มเติมว่า เป็นห่วงคนที่อยู่ในเรือนจำ และจะมีคนที่ต้องเข้าเรือนจำเพิ่มโดยเฉพาะผู้กระทำความผิดที่เป็นเด็กและเยาวชน ถ้าไม่มีการออกนิรโทษกรรมในวันนี้ในอนาคตจะมีคนไม่ได้กลับบ้านมากขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมยืนยันว่าจะยังคงมีกิจกรรมเคลื่อนไหว ดูแลคนที่ยังอยู่ในเรือนจำในระหว่างที่กฎหมายยังไม่ออกมาโอกาสของคนในเรือนจำที่ถูกคดีทางการเมืองยังมีอยู่เสมอ แม้ไม่ได้ในสภาแห่งนี้ก็อาจจะได้ในสภาชุดต่อไป หากต้องมีการเลือกตั้งใหม่ก็ให้เลือกพรรคการเมืองและ สส. คนที่ลงมติรับในรอบนี้ และพร้อมที่จะลงมติรับในเรื่องรอบหน้าเท่านั้น
Advertisement