นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความผู้ได้รับมอบอำนาจจากนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการไต่สวนว่า ศาลนัดไต่สวนพยานจำนวน 6 ปาก ทั้งหมดก็ได้เบิกความต่อศาลตามข้อเท็จจริงที่ศาลให้ความสนใจและสงสัย และเปิดโอกาสให้ทนายโจทย์และทนายจำเลยได้ถาม โดยในส่วนของ
อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้เบิกความบางตอนที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษานอกเรือนจำ ที่ใช้เวลานานเกิน 120 วันซึ่งศาลอยากได้ข้อมูลเชิงสถิติของกรมราชทัณฑ์ นอกจากนี้ยังให้รายงานเรื่องของข้อกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำแห่งองค์การสหประชาชาติในการปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง (ข้อกำหนดแมนเดลา - Mandela Rules) ในฐานะประเทศไทยเป็นภาคีสมาชิกสหประชาชาติ เราได้คำนึงถึงการปฏิบัติการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังให้ได้รับสิทธิ์การรักษาตัว ซึ่งศาลอยากทราบข้อมูลเพื่อจะนำไปพิจารณาประกอบคำร้อง โดยขอให้อธิบดีกรมราชทัณฑ์และผู้ที่เกี่ยวข้องส่งเอกสารภายใน 7 วัน
นายวิญญัติ เปิดเผยว่าการนัดไต่สวน นัดต่อไปคือวันที่ 18 กรกฎาคม จะเป็นการไต่สวนผู้อำนวยการโรงพยาบาลตำรวจ และทีมแพทย์ผู้ทำการรักษา นายทักษิณ ชินวัตร รวมทั้งหมดจำนวน 6 ปาก
นายวิญญัติ ยังเปิดเผยถึงการเสนอพยานในส่วนจำเลย ว่าตนกำหนดยื่นพยานจำนวน 3 ปาก แต่ปรากฏว่าในจำนวน 2 ปากเป็นแพทย์ที่ศาลได้ออกหมายเรียกมาไต่สวนในครั้งหน้า จึงได้ขอใช้สิทธิ์ในการตั้งคำถามล่วงหน้า แต่ทั้งนี้หากเป็นคำถามที่ศาล ได้สอบถามแล้วก็อาจจะไม่อนุญาตให้ถามแต่ก็อาจจะได้สอบถามในช่วงระหว่างการไต่สวน ส่วนพยานอีก 1 ปากที่ไม่ซ้ำกับพยานของศาลนั้น ก็ยังไม่ได้รับคำสั่งว่าอย่างไร ซึ่งก็ได้ยื่นบันทึกถ้อยคำเพื่อยืนยันข้อเท็จจริงต่อศาลแล้ว ก็รอว่าศาลจะอนุญาตหรือไม่ คิดว่าเพื่อความยุติธรรม ทางจำเลยก็ขออ้างพยานปากสำคัญปากนี้ ซึ่งสุดท้ายก็เหลือพยาน 1 ปากในส่วนของจำเลย ต้องรอฟังคำสั่งศาลในการไต่สวนครั้งหน้า
เมื่อถามว่าผ่านการไต่สวนมา 4 นัดแล้วทางจำเลยมีความกังวลใจหรือไม่ หลังฟังการไต่สวนของศาล นายวิญญัติ กล่าวว่า ในเรื่องหนักใจต่อความเป็นจริง เราไม่หนักใจ เพราะนายทักษิณป่วยจริงจากทั้งต่างประเทศและเข้ามาในเรือนจำ ซึ่งคนที่มีอายุมากกว่า 70 ปี มีภาวะที่เป็นโรคประจำตัวหลายโรค ตนเชื่อว่าหลายคนที่มีประสบการณ์เช่นนี้ก็อาจจะมีอาการทางร่างกาย และในส่วนที่ถามว่าหนักใจหรือไม่ ตนเห็นว่ากระบวนการนี้นายทักษิณได้รับการปฏิบัติตามกฎหมายหลายๆส่วน แต่เราก็มีความกังวลใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้น การตรวจสอบเช่นนี้เป็นประวัติศาสตร์อีกเรื่องหนึ่ง เป็นกรณีแรกของประวัติศาสตร์ในการใช้กฎหมาย เชื่อว่าศาลจะพิจารณาให้ความเป็นธรรมและพิจารณาด้วยความรอบคอบ
ส่วนแนวทางการต่อสู้รวมทั้งยื่นคำชี้แจงในฐานะจำเลยนั่นได้ยื่นไปหมดแล้ว แต่ทั้งนี้อยู่ระหว่างการไต่สวน ศาลได้กำชับไม่ให้นำคำให้การของพยานรวมถึงแนวทางการต่อสู้ไปเปิดเผย ซึ่งการยื่นแนวทางการต่อสู้อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงและการได้รับการปฏิบัติพื้นฐานต่อผู้ต้องขัง ก็เป็นส่วนหนึ่งด้วย
เมื่อถามว่าจะยื่นให้เป็นการพิจารณาทางลับอีกหรือไม่ นายวิญญัติกล่าวว่า ศาลได้กำชับไปแล้วขอความร่วมมือ ก็คงไม่ต้องพิจารณาอะไรแล้ว เรื่องนี้เข้าใจว่าทุกคนให้ความสนใจ แต่การนำไปพูดข้างนอก โดยที่ไม่มีหน้าที่ หรือการพูดด้วยเจตนาบิดเบือน สร้างในนัยยะทางสังคมให้เกิดความสับสน เป็นอุปสรรคต่อการพิจารณาคดี ศาลได้กำชับแล้วว่าอย่าทำ ดังนั้นการเสนอข่าวของผู้สื่อข่าวทำได้ตามปกติ รายงานกระบวนการพิจารณา และความคืบหน้า เชื่อว่าสามารถทำได้อยู่แล้ว
เมื่อถามว่าได้มีการรายงานนายทักษิณหรือไม่ นายวิญัติกล่าวว่าก็ได้รายงานตามปกติ โดยนายทักษิณก็ไม่มีความเห็น
เมื่อถามถึงกรณีที่สมเด็จฮุนเซนประธานวุฒิสภากัมพูชา โพสต์ถึงนายทักษิณ ชินวัตรนั้น นายทักษิณมีความกังวลหรือไม่ นายวิญญัติกล่าวว่าไม่มีความคิดเห็นในเรื่องนี้เพราะไม่เกี่ยวกับหน้าที่ ขออนุญาตที่จะไม่ตอบ และก็ไม่ได้สอบถามนายทักษิณความกังวลในเรื่องนี้
Advertisement