วันนี้ (3 ก.ค.68) ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้พูดคุยกับ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ซึ่งปัจจุบันมีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษา นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โดยนายณัฐวุฒิ บอกว่า ถึงแม้ตอนนี้ศาลจะมีคำสั่งให้นายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ตนในฐานะที่ปรึกษา ก็พร้อมจะอยู่เคียงข้าง เเละช่วยงานทุกอย่างที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งจากการพูดคุยกัน นายกรัฐมนตรีมีความกังวลเรื่องปัญหาของประเทศ ที่ยังค้างคาอยู่หลายเรื่อง ทั้งเรื่องการปราบปรามยาเสพติดซึ่งรัฐบาลกำลังทำอย่างเข้มข้น เรื่องการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเราทำอย่างได้ผลชัดเจนมาแล้วระดับหนึ่ง และต้องทำต่อ นอกจากนี้ยังห่วงเรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งหลาย งบประมาณแสนกว่าล้านที่อยู่ระหว่างพิจารณา และปัญหาต่าง ๆ ของพี่น้องประชาชน
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ด้วยสถานการณ์บ้านเมืองตอนนี้ มองว่ารัฐบาลควรจะต้องรักษาเสถียรภาพทางการเมือง เพื่อเผชิญภัยคุกคามจากต่างประเทศ และแก้ปัญหาที่สำคัญภายในประเทศให้ลุล่วง ซึ่งปัญหาที่สำคัญในตอนนี้คือปัญหาประเทศเพื่อนบ้าน จะเห็นได้ชัดเจนว่าอีกฝ่ายพยายามเคลื่อนไหว โดยมีเป้าหมายที่จะล้มรัฐบาล และต้องการให้การเมืองไทยเกิดความระส่ำระส่าย หากเราเดินตามเกมเขาเสียทั้งหมด ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ประเทศชาติก็จะลำบากในยามที่เกิดปัญหา เพราะรัฐบาลรักษาการไม่ได้มีอำนาจเต็มในการสั่งการ
ดังนั้นสิ่งที่ควรจะเป็นคือกลไกการตรวจสอบในศาลรัฐธรรมนูญ ศาลจะมีคำวินิจฉัยอย่างไร ก็ต้องเป็นไปตามนั้น รัฐบาลก็ทำหน้าที่ไปตามปกติ ส่วนข้อเสนอเรื่องของการยุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่ เป็นเรื่องปกติของระบบประชาธิปไตย ตนมองว่ายังไม่ควรเปลี่ยนเเปลงรวดเร็วเกินไป ควรรักษาเสถียรภาพให้ผ่านพ้นปัญหาไปเสียก่อน เพราะหากนับอายุของรัฐบาลเหลือไม่ถึง 2 ปี ซึ่งก็อาจจะเป็นไปได้ว่าด้วยสถานการณ์แบบนี้ รัฐบาลอาจจะอยู่ไม่ครบเทอม การยุบสภาหรือการเลือกตั้งก็อาจจะเกิดขึ้นได้ แต่ไม่น่าจะเกิดขึ้นฉับพลัน เพราะหากยุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่ตอนนี้ กว่าจะมีรัฐบาลชุดใหม่ต้องใช้เวลาอีกไม่ต่ำกว่า 5 - 6 เดือน ซึ่งระยะเวลาดังกล่าวที่รัฐบาลอยู่ในสถานะรักษาการ กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ไม่ควรให้เป็นเช่นนั้น
ส่วนประเด็นการปล่อยคลิปเสียงการสนทนา ระหว่าง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี , กับ นายฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ส่งผลอย่างยิ่งต่อสถานการณ์การเมืองไทย ซึ่งการพูดคุยทางโทรศัพท์ระหว่างผู้นำระดับสูง เพื่อแก้ปัญหาสำคัญของประเทศ เป็นเรื่องสากลที่ทั่วโลกเข้าใจได้ แต่การนำคลิปเสียงดังกล่าวมาเผยแพร่ มองว่าผู้ที่กระทำนั้นขาดจริยธรรมอย่างสูง เพราะเป็นการเผยแพร่โดยมีเป้าหมายทางการเมือง เพื่อจะล้มรัฐบาลผู้ที่เป็นคู่เจรจา ซึ่งตัวของนางสาวแพทองธาร มีเจตนาจะแก้ปัญหาโดยสันติ ปกป้องชีวิตของทหารและประชาชนตามแนวชายแดน มองว่าเป็นเจตนาที่มีจริยธรรม
ส่วนประเด็นข้อเสนอของพรรคประชาชน นายณัฐวุฒิ ระบุว่า ตนเองเคารพในข้อเสนอ เพราะถือว่าเป็นบทบาทที่พึงกระทำของพรรคการเมืองในยามที่บ้านเมืองประสบปัญหา แล้วต้องการเสนอทางออกของประเทศให้ผู้คนได้ขบคิด แต่หากมองในเชิงรูปธรรมหรือทางปฏิบัติ มองว่าโมเดลดังกล่าวที่เสนอมานั้น เป็นจริงยาก และจะทำให้การเมืองไม่มีเสถียรภาพ โดยเฉพาะเรื่องการจะโหวตให้ นายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะถ้ามองตามข้อเท็จจริง หากศาลรัฐธรรมนูญมีมติสั่งถอดถอน นางสาวแพทองธาร ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทยก็จะเสนอเเคนดิเดตคนต่อไป นั่นคือ นายชัยเกษม นิติศิริ ขึ้นมาดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีแทน ซึ่งเสียงของพรรคร่วมฝ่ายรัฐบาลในปัจจุบันเพียงพออยู่เเล้ว ส่วนฝั่งพรรคประชาชน หากจะโหวตนายอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรี แล้วไม่เข้าร่วมรัฐบาล โดยยืนยันในหลักการว่าจะเป็นผู้นำฝ่ายค้านเหมือนเดิม รัฐบาลของนายอนุทินก็จะกลายเป็นเสียงข้างน้อยในสภา เเละไม่มีเสถียรภาพทางการเมือง
ซึ่งจากโมเดลที่พรรคประชาชนเสนอมา ดูเหมือนว่า "คดีฮั้ว ส.ว." จะเป็นเรื่องเล็กมากสำหรับพรรคประชาชน พรรคประชาชนไม่ได้นำเรื่องนี้มาพิจารณาเลยใช่หรือไม่? เพราะหากมองย้อนกลับไป ตลอดระยะเวลาที่มีการดำเนินคดีเรื่องนี้ บทบาทของพรรคประชาชนเกี่ยวกับเรื่องนี้น้อยมาก แม้กระทั่งตอนอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล พรรคประชาชนเลือกที่จะอภิปรายเพียงตัวของนายกรัฐมนตรี เพียงคนเดียว แต่ไม่ได้พูดถึง"คดีฮั้ว ส.ว."เลย
เพราะฉะนั้น ทางออกของประเทศในตอนนี้ ทุกฝ่ายต้องตั้งสติให้ดี รักษาเสถียรภาพรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งไว้ เเล้วผนึกกำลังเผชิญภัยคุกคามจากภายนอก ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลจะกอดอำนาจจนตัวตาย เเต่รัฐบาลที่มาจากประชาชนควรสมบูรณ์ในเวลานี้
"หากตอนนี้ฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายค้านยังไม่สามารถหันหน้าเข้าหากันได้ ก็ขอให้นั่งหันหลังพิงกัน เเก้ปัญหาด้วยกัน เพื่อพาประเทศผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปก่อน"
ส่วนสถานการณ์ชุมนุม ถือเป็นสิทธิ์โดยพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญ ฝ่ายที่เห็นด้วยกับรัฐบาลก็มีส่วนฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยเขาก็กำลังเคลื่อนไหวอยู่ การจะออกมากดดัน ยื่นข้อเรียกร้อง หรือแม้กระทั่งออกมาขับไล่ ทำได้ภายใต้กรอบของกฎหมาย ตนเคารพในสิทธิและเสรีภาพการแสดงออกของประชาชน
โดยช่วงท้าย นักข่าวได้ถามนายณัฐวุฒิ ว่า มีอะไรอยากจะฝากถึง นายจตุพร พรหมพันธุ์ หรือไม่ นายณัฐวุฒิ ยิ้ม เเล้วตอบสั้น ๆ ว่า"ไม่มีครับ"
Advertisement