น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมติดตามผลการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีอาคารที่อยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้างของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) จากแผ่นดินไหว โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายพงษ์นรา เย็นยิ่ง อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง พร้อมด้วย คณะวิศวกรรมศาสตร์ 4 สถาบัน ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เข้าร่วมประชุมด้วย
ใช้เวลาประชุม 1 ชั่วโมง ก่อน นายกรัฐมนตรี จะแถลงผลการประชุมว่า ผลการสืบสวนสอบสวนเป็นเอกภาพ ทุกสถาบันมีข้อมูลที่สอดคล้องกัน ทั้งนี้ ได้มีการหาข้อมูลเพิ่มเติมโดยการใช้เทคโนโลยีจำลองตึกและเปรียบเทียบกับแรงสั่นสะเทือนแผ่นดินไหว เพื่อหาสาเหตุอาคาร สตง. ถล่ม
โดยจากการรายงานของทั้ง 4 สถาบันเห็นได้ชัดว่าบกพร่องในการออกแบบและวิธีในการก่อสร้าง โดยเฉพาะ เทคนิคในการก่อสร้างในโครงการนี้ ในจุดผนังช่องลิฟท์ และ ผนังบันได หรือทางเทคนิคเรียกว่าผนังรับแรงเฉือน
ส่วนวัสดุเหล็ก หรือคอนกรีต เป็นวัสดุปกติที่ได้มาตรฐานโดยทั่วไป แต่การนำมาใช้ในโครงการนี้ เกิดปัญหาในเรื่องของคอนกรีตที่ไม่ได้มาตรฐาน โดยการนำคอนกรีตมาใช้ในวิธีการสร้างของโครงการนี้มีปัญหา
นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่าหลายภาคส่วนมีความกังวล วัสดุที่ใช้เช่นนี้ ส่งผลต่อตึกอื่นๆ อย่างไร ซึ่งจากที่ได้รับรายงานในตอนนี้ มีการก่อสร้างในหลายหลายจุด ที่ไม่ได้เป็นไปตามกฏหมาย ทั้งการออกแบบและการก่อสร้าง และการวิจัยจำลองตึก ระบุว่า หากปฏิบัติตามกฏหมาย จะสร้างความแข็งแรงให้ตึกเพิ่มมากขึ้น ซึ่งหากปฏิบัติตามกฏหมายตึกก็จะรับแรงสั่นสะเทือนได้มากกว่านี้ ซึ่งผลทั้งหมดเป็นไปตามการใช้หลักเทคโนโลยีล่าสุด โดยประเทศญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกาก็ได้ใช้เทคโนโลยีนี้เช่นกัน เพื่อที่จะทราบคุณภาพของตึกจะรับกับเหตุการณ์ต่างๆ ได้หรือไม่ ซึ่งไทยก็ได้นำมาใช้
นายกรัฐมนตรี ย้ำอีกว่า โครงการอื่นๆ ได้มีการตรวจสอบในด้านวัสดุก่อสร้างอย่างเคร่งครัด ไม่ได้มีปัญหาใดๆ จึงอยากจะให้ประชาชนสบายใจเรื่องนี้มากขึ้น หลังจากนี้จะใช้ข้อมูลทั้งหมดที่ได้สรุปเป็นรูปเล่ม ภายใน 2 สัปดาห์ และส่งต่อให้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการต่อไป
โดย นายกรัฐมนตรี ย้ำอีกว่าปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากการออกแบบ และการก่อสร้าง ของโครงการนี้ที่มีปัญหา และไม่ได้เป็นไปตามกฏหมาย
ส่วนความเสียหายทั้งหมดจาก อาคารตึก สตง. ถล่มนั้น ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เรื่องนี้ผิดจากการออกแบบ และการก่อสร้างโครงการ ส่วนใครผิดและจะต้องรับผิดชอบทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมสอบสวนคดีพิเศษจะไปดำเนินการต่อ และเป็นผู้ชี้ ส่วนในวันนี้ถือว่าทราบข้อมูลทั้งหมดแล้ว ดังนั้นใครที่เกี่ยวข้องก็ว่าไปตามกฏหมาย
ขณะที่การสอบสวนตัวเหล็กไม่มีปัญหา แต่พบว่าคอนกรีตมีปัญหาใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ค่ะ พร้อมย้ำว่า ผู้เชี่ยวชาญได้แจ้งว่าเหล็กไม่ได้มีปัญหา แต่จะมีปัญหาในเรื่องของวัสดุอื่น ๆ ซึ่งการนำมาใช้ไม่ผิด แต่เมื่อนำมาสร้างในโครงการนี้ ถูกเฉือนให้บางลง ไม่เป็นไปตามกฎ จึงทำให้ มีมีความผิดเกิดขึ้น ส่วนตัวยอมรับว่ากังวลใจเรื่องนี้ เพราะมีของไม่ได้คุณภาพ และจะเกิดขึ้นกับโครงการอื่นๆ ซึ่งจากข้อสรุปแล้วไม่ใช่ เป็นเรื่องที่เกิดเฉพาะโครงการนี้เท่านั้น
หากเป็นเรื่องการออกแบบผิดพลาด ดังนั้น สตง. ซึ่งเป็นจัดซื้อจัดจ้างโครงการนี้จะต้องรับผิดชอบด้วยหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็ต้องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการต่อไป ว่าใครต้องรับผิดชอบ ในส่วนไหนบ้าง ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการ ซึ่งการสอบสวนได้ดำเนินการมา 90 วัน โดยการการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย
ส่วนน้ำหนักการสอบสวน จะไปเอาผิดกับผู้ออกแบบ หรือผู้ดำเนินการก่อสร้าง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ทราบ แต่เมื่อข้อมูลออกไปแล้วเชื่อว่ามีคนมองต่างมุม ส่วนไหนผิดหรือถูก ดังนั้นจึงอยากให้เข้ากระบวนการสืบสวนสอบสวนมากกว่า ซึ่งถือว่าเป็นกลางมากที่สุด แล้วชี้ว่าใครผิด เพราะตนเองไม่มีหน้าที่จะถือว่าใครผิด แต่เบื้องต้นทราบว่าเป็นการดำเนินการโดยผิดกฎหมาย
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีจะให้ความมั่นใจกับประชาชนว่า จะดำเนินการเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง และไม่เงียบไป หากการเมือง นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าเรื่องนี้จะไม่เงียบอย่างแน่นอน และจะมีการสรุปผลรายงานภายใน 2 สัปดาห์ เพราะคิดว่า 90 วันในการสืบสวน ประชาชนยังรอเรื่องนี้อยู่ว่าสาเหตุที่ตึกสอตองถล่มเกิดจากสาเหตุใด ซึ่งวันนี้ถือว่าได้คำตอบแล้ว และเป็นสิ่งที่ดีมากๆ หลังจากนี้ก็ว่าไปตามกระบวนการกฎหมาย
Advertisement