วันที่ 25 มิ.ย. 68 จากประเด็นร้อน ค่าตั๋วเครื่องบินภายในประเทศพุ่งสูงลิ่ว โดยเฉพาะช่วงเทศกาลที่ผ่านมา ล่าสุดวุฒิสภาไม่รอช้า โดยนาย นิฟาริด ระเด่นอาหมัด ประธานคณะอนุกรรมาธิการการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ได้ออกมานำทีมประชุม เพื่อหาทางออกเรื่องนี้อย่างจริงจัง พร้อมระบุว่าปัญหาตั๋วแพงไม่ได้เป็นความจริงเสมอไป และเตรียมหามาตรการที่เหมาะสม เพื่อให้ทั้งสายการบินและผู้โดยสารได้รับประโยชน์ร่วมกันแบบ "Win-Win"
การประชุมครั้งนี้ มีผู้ทรงคุณวุฒิจากหลายภาคส่วนเข้าร่วมหารือ ไม่ว่าจะเป็นผู้แทนจากกรมการค้าภายใน, คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค, ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย, นายกสมาคมสายการบินประเทศไทย และนายกสมาคมคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหานี้อย่างรอบด้าน
นายนิฟาริด ชี้แจงถึงปัญหาที่เกิดขึ้น โดยยอมรับว่าในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา มีสายการบินบางรายคิดค่าบริการตั๋วเครื่องบินแพงเกินจริง จึงเสนอแนวคิดให้สายการบินลองคิดค่าเฉลี่ยในแต่ละเที่ยวบิน โดยแยกจำนวนที่นั่งระหว่างตั๋วราคาปกติกับตั๋วราคาสูง ซึ่งจะช่วยให้เห็นภาพรวมที่ชัดเจนขึ้น
สำหรับปัจจัยที่ทำให้ตั๋วมีราคาสูง นอกจากเรื่อง Demand-Supply และกลไกทางการตลาดแล้ว การเลือกวันเดินทาง เช่น วันเสาร์และอาทิตย์ ก็มีผลอย่างมาก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น นายนิฟาริดย้ำว่า มีกฎหมายและเพดานจำกัดราคาสูงสุดอยู่แล้ว ซึ่งเป็นส่วนที่กำหนดราคาไว้อย่างชัดเจน
ประเด็นที่คณะอนุกรรมาธิการให้ความสำคัญเป็นพิเศษคือ การควบคุมตัวแทนจำหน่ายตั๋วที่ไม่ซื่อสัตย์ ที่สร้างความเสียหายให้กับสายการบิน นายนิฟาริดเสนอให้รัฐบาลเข้ามา "กำกับดูแล" อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะตัวแทนจำหน่ายที่อยู่ต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีกลไกในการกำกับดูแล และนี่คือ "ช่องโหว่" สำคัญที่ต้องเร่งแก้ไข
อีกหนึ่งข้อเสนอที่น่าสนใจคือเรื่อง ภาษีน้ำมัน ทางสายการบินได้เสนอว่า หากสามารถลดภาษีในส่วนนี้ลงได้ จะส่งผลให้ราคาตั๋วโดยสารถูกลงได้อย่างชัดเจน ซึ่งทางสายการบินพร้อมที่จะเปิดเผยโครงสร้างต้นทุนในแต่ละส่วนของตั๋วโดยสาร เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและเป็นธรรมต่อผู้บริโภคมากที่สุด
นอกเหนือจากเรื่องราคาตั๋วแล้ว คณะอนุกรรมาธิการยังมองไปถึงภาพรวมของการเดินทางทางอากาศ โดยมีแนวคิดที่จะพัฒนาสนามบินในประเทศไทยให้เป็น "ห้องโดยสาร" หรือ "ห้องรับแขก" ระดับโลก ที่สร้างความประทับใจให้แก่ผู้เดินทางจากต่างประเทศมากที่สุด โดยยึดสนามบินชางงีของประเทศสิงคโปร์เป็นต้นแบบ
แนวคิดนี้มุ่งเน้นให้สนามบินไทยครบครันไปด้วยความสะดวกสบาย ความสวยงาม และสะท้อนถึงวัฒนธรรมไทยอย่างเต็มที่ เพื่อเป็น "หน้าด่าน" ที่ดีและมีราคาที่เป็นธรรม ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพลักษณ์และการท่องเที่ยวของประเทศโดยรวม
สิ่งสำคัญที่คณะอนุกรรมาธิการเน้นย้ำคือ การสื่อสารระหว่างสายการบินและผู้โดยสาร โดยทางวุฒิสภาพร้อมที่จะเป็น "สื่อกลาง" ในการประสานงานกับรัฐบาลและสายการบินที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาและแก้ไขกฎหมายบางประการที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการกำหนดราคาที่เป็นธรรม และเพื่อให้การเดินทางทางอากาศของคนไทยเป็นไปอย่างสะดวกสบายและคุ้มค่าที่สุด
เรื่องนี้ยังต้องมีการหารือกันอีกหลายครั้ง เพราะการแก้ไขปัญหาที่มีความซับซ้อนเช่นนี้ไม่สามารถได้คำตอบที่ชัดเจนได้ในการประชุมเพียงครั้งเดียว แต่แนวทางที่ชัดเจนได้ปรากฏแล้วว่า จะต้องมีการกำหนดราคาที่เหมาะสม การกำหนดพื้นที่ และการแนะนำผู้โดยสารถึงวันและเวลาที่เหมาะสมในการเดินทาง รวมถึงวิธีการซื้อตั๋วอย่างชาญฉลาด
บทสรุปของการหารือครั้งนี้คือความมุ่งมั่นที่จะหาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่าย เพื่อให้คนไทยได้เดินทางอย่างสบายใจและสบายกระเป๋า และเพื่อให้ธุรกิจการบินของไทยเติบโตไปพร้อมกับการคุ้มครองผู้บริโภคอย่างเป็นธรรม รอติดตามความคืบหน้ากันต่อไปว่ามาตรการเหล่านี้จะออกมาเป็นรูปธรรมเมื่อใด
Advertisement