Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
นายกฯ ลั่น ประเทศไทยมีศักดิ์ศรี จะไม่ยอมให้ใครมาข่มขู่

นายกฯ ลั่น ประเทศไทยมีศักดิ์ศรี จะไม่ยอมให้ใครมาข่มขู่

16 มิ.ย. 68
13:07 น.
แชร์

นายกฯ ขึงขัง! ลั่น ประเทศไทยเป็นปึกแผ่น มีศักดิ์ศรี จะไม่ยอมให้ใครมาข่มขู่  ซัดหากกัมพูชาไม่เคารพกติกา ก็จะไม่ถูกยอมรับโดยทั่วโลก

 

วันนี้ (16มิ.ย.68) นางสาวแพรทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวภายหลัง เรียกประชุมทีม JBC ว่า ที่ประชุมมีการพูดคุยกันถึงผลประชุม JBC เมื่อวันที่ 14-15 มิถุนายนที่ผ่านมา ก็ถือว่าเป็นผลสำเร็จ ที่ได้คุยกันและมีการยอมรับกรอบในการประชุม JBC ซึ่งรายละเอียด ก็ตามที่กระทรวงต่างประเทศได้แถลงไปแล้ว

นายกฯ ลั่น ประเทศไทยมีศักดิ์ศรี จะไม่ยอมให้ใครมาข่มขู่

ส่วนเรื่องที่ 2 เรามีการคุยกันทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นระดับหน้างาน จนมาถึงระดับของนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีการสื่อสารกันอย่างต่อเนื่อง วันนี้ที่เราประชุม มีเรื่องของการตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อตามสถานการณ์เป็นทีมไทยแลนด์ของเรา และต่อจากนี้ก็จะให้ท่าน พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นคนนำทีมในการมอนิเตอร์ข้อมูลข่าวสารทั้งหมด และดำเนินการต่างๆ และเรื่องของ ICJ หรือศาลโลก ประเทศไทยไม่ยอมรับเรื่องของศาลโลก แต่ตอนนี้เอง เราก็มีตั้งทีมทำงานเช่นกันว่าเราจะปกป้อง และตั้งรับอย่างไรหาข้อมูลต่างๆ ว่าเราจะสามารถ ปกป้องประเทศของเราอย่างไร หรือว่าตอบโต้อะไรยังไงบ้าง เราจะต้องมีกรอบในการทำงานนี้ ซึ่งตอนนี้เราก็กำลังศึกษาในเรื่องของกฎหมาย และประวัติความเป็นมาทุกอย่างมีข้อมูลไว้ครบหมดแล้ว  ซึ่งเป็นความคืบหน้าของการประชุม กันในวันนี้

นายกฯ ลั่น ประเทศไทยมีศักดิ์ศรี จะไม่ยอมให้ใครมาข่มขู่

ส่วนกรณีที่ สมเด็จ ฮุนเซน ออกมาประกาศว่า หากไทยไม่เปิดด่านภายในวันนี้หรือพรุ่งนี้ ก็จะมีการปิดด่านฝั่งกัมพูชานั้น นายกรัฐมนตรีระบุว่า เรื่องของการปิดด่าน จริงๆแล้วเราไม่ได้ปิดด่าน แต่เรากำหนดเวลาการเปิด-ปิด ซึ่งเปลี่ยนไปจากเดิม เมื่อมีการปะทะกันเกิดขึ้น จริงๆแล้วทางประเทศไทยเอง ได้ทราบจากเพจกลาโหม ของทางกัมพูชา คือเรามีการตกลงและพูดคุยกันแล้ว แต่หลังจากคุยกันว่าจะมีการปรับกำลัง ซึ่งที่ประชุมสมช.ในวันนั้น ก็มีการมอบอำนาจให้ กองทัพ สามารถประเมินสถานการณ์ได้ เพื่อจะได้ปรับให้เข้ากับสถานการณ์ แต่เมื่อคุยกันเรียบร้อยแล้ว ทางเพจกลาโหมกัมพูชา ได้ออกมาบอกว่า จะไม่มีการปรับกำลัง จึงต้องกำหนดเวลา การเปิด-ปิดด่าน  และในวันที่ 28 เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ได้คุยกับ “ฮุน มาเนต” นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้ตกลงร่วมกันจะสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้น ของ 2 ประเทศไม่ต้องการความขัดแย้ง ต้องการจะรักษาชีวิตของพี่น้องประชาชนทั้งสองประเทศ ไม่มีการเสียเลือดเนื้อ และทางทหารด้วย นี่คือสิ่งที่เห็นตรงกัน

จากนั้นก็คุยกันมาเรื่อยๆ ซึ่ง ก็มีการพยายามจะคุยอยู่ในกรอบของทวิภาคี นั่นคือกรอบการคุยระหว่างประเทศ ซึ่งต้องมีกรอบ การพูดคุยเข้าใจร่วมกัน เพื่อจะให้เป็นไปตามกลไกของระหว่างประเทศ ซึ่งยอมรับว่ามีการคุยกันหลังใมค์ แต่สิ่งที่สื่อสารออกมาทางโซเชียลที่นอกกรอบ และเป็นการสื่อสารที่ไม่ Professional อยู่เรื่อยๆ ก็ทำให้เกิดความวุ่นวาย ในการจัดการ ทั้งสิ่งที่คุยกันหลังไมค์ และสิ่งที่คุยกันแบบ official หรือเป็นทางการ ดิฉันคิดว่า การสื่อสารแบบนี้ ทำให้เกิดผลลบกับทั้ง 2 ประเทศ

ดังนั้นข้อความที่กัมพูชาได้โพสต์ เราต้องคำนึงถึงประโยชน์ ของพี่น้องประชาชน ทั้งไทยและกัมพูชาด้วย การที่จะประกาศเรื่องการปิดด่านเลยหรือใดๆ เป็นการทำให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนไทยและประชาชนกัมพูชาทั้ง 2 ประเทศ เรามีความห่วงใยอยู่แล้ว ทั้งเรื่องการค้าขาย แต่เราเพียงแค่ปรับเวลาในการเข้-าออก ของคน และสินค้า นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น และดิฉันเองได้แจ้งทางกัมพูชาแล้วว่า ดิฉันจะมีการประชุมในวันนี้ก่อน เพื่อที่จะรายงานผล ว่าเราจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ซึ่ง ดิฉันเองได้ส่งข้อความถึง “ฮุน มาเนต” นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ว่าเสนอ ให้มีการจัดประชุม ของ RBC เกิดขึ้น นั่นก็คือการประชุมระดับของกองทัพของทั้งสองประเทศ ให้คุยกันว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ

นักข่าวถามว่าเรื่องสงครามข่าวสารจะมีวิธีรับมืออย่างไร นายกฯ ตอบว่า การสื่อสารแบบนี้ไม่ได้เกิดผลดีกับทั้ง 2 ประเทศ การปล่อยข่าวหรือใดๆก็ตาม อย่างหลายข่าวที่ออกมาก็เคยได้มีการตกลงกันไว้แล้ว ว่าอย่าเพิ่งมีการปล่อยข่าว เพราะเราต้องมีการคุยกันก่อน เพราะคนหน้างาน กับคนที่รับฟังข่าวสาร คนละคนกัน เพราะฉะนั้นเราทำอะไรตัดสินใจอะไร หรือสัมภาษณ์อะไรออกไป เราต้องเห็นใจคนหน้างานด้วย และการที่เราปิดด่านกำหนดเวลาเปิด-ปิดด่านใหม่ ในตอนแรกเป็นเพราะว่ามีอาวุธไกลออกมา มีอาวุธหนักที่ออกมาเริ่มเยอะขึ้นแน่นอนว่าเราต้องกำหนดเวลาเปิด-ปิดด่าน เพราะประชาชนที่อยู่ตรงนั้นมากมายทั้ง 2 ประเทศ การที่นำอาวุธใหญ่ออกมาแบบนั้น ถ้าเราไม่กำหนดเวลาเปิดปิดเลย ถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาความเสียหายมากมายเราถึงได้กำหนดเปิด-ปิดด่าน และมันเป็นอาวุธของระยะไกลซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องทำ

นายกรัฐมนตรี ยังระบุว่าการประชุมของ JBC ถูกจารึกเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งทั่วโลกสามารถรับรู้ได้ว่า เราตกลงอะไรกันบ้าง ซึ่งวันนี้กระทรวงต่างประเทศ ก็มีการเรียกประชุมทูตทั้งหมดให้ทุกประเทศได้รับทราบ ในช่วงบ่ายวันนี้ และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศได้คุยกับทูตของกัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งได้มีการกำหนดว่าเราต้องการทำอะไร เราจะทำอะไร แต่สิ่งที่เราอาจจะทำน้อยกว่าเขา นั่นคือการสื่อสารออก Public การสื่อสารออกสาธารณะเพราะเราเคารพในการเจรจาระหว่างประเทศ เราเคารพกรอบของทวิภาคีเราเคารพเราให้เกียรติทั้ง 2 ประเทศ ว่าสิ่งที่คุยควรเป็นสิ่งที่เป็นทางการและอยู่ในกรอบของทวิภาคี ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกประเทศเมื่อมีการติดต่อสื่อสาร ต้องยึดกรอบทวิภาคีเป็นสำคัญ แต่ถ้ามีการสื่อสาร ที่ไม่ official เกิดขึ้น ตลอดเวลาอย่างมากมาย เราก็ต้องบอกจุดยืนของเราเช่นกันว่า เราไม่เคยที่จะ ยั่วยุหรือพูดเพื่อให้เกิดการปะทะใดๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ดิฉันเองเป็น นายกรัฐมนตรี ถ้าอยู่ตรงนี้แล้วเกิดการปะทะกันอย่างรุนแรงตรงชายแดน นั่นแปลว่าดิฉันต้องรับรู้อย่างน้อยว่าต้องเกิดอะไรขึ้น ถ้าดิฉันจะต้องตกลงในการปะทะมันต้องมีการคุยกับทหาร ว่าพร้อมหรือไม่ เราอยู่ใน สเตตัสไหน เขาอยู่ในสเตตัสไหน ไม่ใช่จู่ๆว่าจะมีเรื่อง ก็สามารถจุดให้ไฟมันติดได้เลย นี่คือกรอบที่เราทุกคนต้องยึด และแน่นอนว่าการปล่อยข่าวหรือปล่อยประโยคอะไรออกมา ที่ออกมาเป็นทางการ ที่ส่งผลกระทบ ไม่เกิดผลดีกับทั้ง 2 ประเทศ

นายกฯ ยังกล่าวอีกว่า คนไทยประเทศไทยนายกรัฐมนตรีกองทัพไทย ที่ประชุมทุกวันนี้เห็นตรงกัน ในทุกๆส่วน ทางกองทัพเอง ก็คิดเหมือนเรา ว่าเราต้องปกป้องอธิปไตยของเราไว้ แต่ทำอย่างไร ให้ยืดการปะทะการเสียเลือดเนื้อให้ออกไปให้ไม่เกิดขึ้น แต่ยังคงรักษาอธิปไตยของเราไว้ นี่คือสิ่งที่รัฐบาลและกองทัพเห็นตรงกัน ส่วนใครจะปล่อยข่าวว่าตีกันยืนยันว่าไม่เคยตีกัน

“กองทัพตอนนี้กับรัฐบาล ได้คุยกันทุกเรื่อง ว่าจะทำอย่างไรจะ Move อย่างไร และดิฉันให้เกียรติกองทัพเสมอ เพราะเป็นคนหน้างานและเป็นคนรู้ในเรื่องของอาวุธทุกอย่าง รัฐบาลก็จะต้องคุยด้วยว่าจะเอายังไง ดังนั้นขอย้ำอีกครั้งว่ารัฐบาลกับกองทัพไม่มีปัญหากัน และขอให้ทุกคนช่วยกันซัพพอร์ตกองทัพและรัฐบาลให้เป็นหนึ่งเดียวกันเพราะวันนี้เราไม่ได้ต่อสู้กันเอง เรารักษาอธิปไตยของเราไว้เราพูดใน message ที่มันตรง เราพูดใน message ที่มันสามารถรู้ได้ว่าประเทศไทยเป็นปึกแผ่น แล้วเราก็จะไม่ยอมให้ใคร มากลั่นแกล้งให้ใครมาใส่ร้ายหรือให้ใครมาขู่ เราก็เป็นประเทศที่มีศักดิ์ศรีเช่นกัน เราก็เป็นประเทศที่แข็งแรงเช่นกัน เพราะฉะนั้นจุดนี้เองที่จะทำให้ทุกคนรู้ว่าวันนี้ถ้าไม่เคารพกฎกติกา ก็จะไม่ถูกยอมรับโดยทั่วโลก ขอบคุณค่ะ”

 

Advertisement

แชร์
นายกฯ ลั่น ประเทศไทยมีศักดิ์ศรี จะไม่ยอมให้ใครมาข่มขู่