เปิดคำสั่ง สมช.แต่งตั้ง 13 กรรมการเฉพาะกิจ แก้ปัญหาชายแดนไทย - กัมพูชา

เปิดคำสั่ง สมช.แต่งตั้ง 13 กรรมการเฉพาะกิจ แก้ไขปัญหาความมั่นคงบริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา

เล็ก วาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าวอาวุโสสายทหาร ได้โพสต์เฟซบุ๊ก Wassana Nanuam ระบุข้อความว่า เปิดคำสั่ง สมช. แต่งตั้ง 13 "กรรมการเฉพาะกิจแก้ไขปัญหาความมั่นคงบริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา"

“ภูมิธรรม”เซ็น ตั้ง“เลขาธิการ สมช.” เป็นประธาน ร่วมด้วยปลัดกลาโหม, ปลัด กต., ปลัดมท.,ผอ.สำนักข่าวกรองฯ,ผู้บัญชาการทหารสูงสุด, ผบ.ทบ., ผบ.ศรภ., ผบ.ขกทรองเลขาฯสมช.,ผู้แทนหน่วยงานของรัฐ ร่วมประเมินเสนอแนะ แนวทาง

สภาความมั่นคงแห่งชาติ แต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจแก้ไขปัญหาความมั่นคงบริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา

โดยที่สถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา ได้ปรากฎเหตุการณ์ปะทะกันในพื้นที่ของไทย ระหว่างกองกำลังของไทยกับกัมพูชา เมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๘

ซึ่งกองกำลังของไทยได้ดำเนินมาตรการปกป้องอธิบไตยของชาติ อันเป็นไปตามหลักความสมควรแก่เหตุและกฎหมายระหว่างประเทศ โดยฝ่ายกัมพูชา ได้ดำเนินมาตรการเตรียมความพร้อมทางทหารอย่างเข้มชั้น ควบคู่กับมาตรการด้านการต่างประเทศมาเป็นระยะซึ่งกระทบต่อความมั่นคงและผลประโยชน์แห่งชาติของไทย

เพื่อให้การจัดการแก้ไขปัญหาความมั่นคงบริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา เป็นไปอย่างเหมาะสม มีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป สมควรกำหนดให้มีกลไกระดับนโยบาย ในการกำหนดแนวทางหรือมาตรการในการจัดการแก้ไขปัญหาความมั่นคงบริเวณชายแดนไทย - กัมพูชาเป็นการเฉพาะ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๑ แห่งพระราชบัญญัติสภาความมั่นคงแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๕๙

ประกอบกับมติที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ครั้งที่ ๔/๒๕๖๘ เมื่อวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๘ และคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ ๓๑๔/๒๕๖๗ เรื่อง เรื่อง มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ และมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามกฎหมาย และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๗

ประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ จึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้แต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจปัญหาร่วมชายแดน ไทย - กัมพูจา

โดยมีองค์ประกอบ และหน้าที่และอำนาจ ดังต่อไปนี้

๑.๑ องค์ประกอบ

(๑) เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นประธาน

(๒) ปลัดกระทรวงกลาโหม

(๓) ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ

(๔) ปลัดกระทรวงมหาดไทย

(๕) ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ

(๖) ผู้บัญชาการทหารสูงสุด

(๗) ผู้บัญชาการทหารบก กรรมการ

(๘) ผู้บัญชาการศูนย์รักษาความปลอดภัย กรรมการ

(๙) ผู้บัญชาการหน่วยข่าวกรองทางทหาร กรรมการ

(๑๐) รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ กรรมการได้รับมอบหมาย

(๑๑) ผู้แทนหน่วยงานของรัฐ หรือผู้ทรงคุณวุฒิ

กรรมการ

ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่พิจารณา

(๑)๒) ผู้อำนวยการกองความมั่นคงกิจการชายแดน กรรมการ

และประเทศรอบบ้าน

และเลขานุการ

สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ

(๑๓) ผู้แทนกองบัญชาการกองทัพไทย

กรรมการ ที่ได้รับมอบหมาย

และผู้ช่วยเลขานุการ

๑.๒ หน้าที่และอำนาจ

(๑) ติดตาม ตรวจสอบ ประเมินและวิเคราะห์สถานการณ์ความมั่นคงบริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา ที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงแห่งชาติ

(๒) กลั่นกรองให้ความเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการกำหนดมาตรการหรือ

การดำเนินการอื่นที่จำเป็นในการป้องกันหรือแก้ไขต่อสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องบริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา

ต่อสภาความมั่นคงแห่งชาติ นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี หรือหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องแล้วแต่กรณี เพื่อ

พิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป

(๓) บูรณาการ หรือประสานความร่วมมือกับศูนย์อำนวยการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน หรือหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้นำนโยบายไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม

(๔) ให้ประธานกรรมการมีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ คณะทำงาน หรือมอบหมาย เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม

(๕) ดำเนินการอื่นใดตามที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ ประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติหรือคณะรัฐมนตรีมอบหมาย

ข้อ ๒ ให้หน่วยงานของรัฐ ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และภาคประชาชนให้ความร่วมมือในการชี้แจงข้อมูล ส่งเอกสาร ตลอดจนดำเนินการอื่น ๆ ตามที่คณะกรรมการเฉพาะกิจแก้ไขทท ปัญหาความมั่นคงบริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา กำหนด

ข้อ ๓ การเบิกจ่ายเบี้ยประชุมหรือค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงานของคณะกรรมการเฉพาะกิจแก้ไขปัญหาความมั่นคงบริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา

คณะอนุกรรมการ หรือคณะทำงานที่แต่งตั้งตามคำสั่งนี้ ให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. ๒๕๔๗ หรือตามระเบียบของทางราชการ แล้วแต่กรณี โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ