โรม ซัด นายกฯ พลิกวิกฤตเป็นหายนะ ปมชายแดนไทย-กัมพูชา
โรม ซัด นายกฯ พลิกวิกฤตเป็นหายนะ ปมชายแดนไทย-กัมพูชา บอกถึงเป็นฝ่ายค้านแต่ก็อยากสร้างบรรยากาศทีมไทยแลนด์ งง เจรจาใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวต้องทำอย่างไร
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
วันที่ 5 มิ.ย. ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงท่าทีของนายกรัฐมนตรีในการตอบคำถาม เรื่องปัญหาปัญหาชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชา เมื่อวานนี้ (4 มิ.ย.) ว่า ตนเสียดายช่วงเวลาที่ผ่านมา รัฐบาลสื่อสารเรื่องนี้ช้ามาก และความรู้สึกของประชาชนคนไทยคาดหวังความชัดเจนว่าแนวทางของรัฐบาลจะมีมาตรการอย่างไรในการรับมือกับท่าทีของกัมพูชา ไม่ได้มีแค่ยื่นต่อศาลโลก ต้องยอมรับว่ามีลักษณะไม่ให้เกียรติต่อประเทศไทย ไม่ได้กระทบแค่รัฐบาลแต่กระทบต่อคนไทยทั้งประเทศ บรรยากาศความขัดแย้งแบบนี้
"ประชาชนต้องคาดหวังว่ารัฐบาลจะมียุทธศาสตร์อย่างไรในการจัดการ และทุกคนรู้ว่าต้องจบที่การเจรจา แต่จะเจรจาอย่างไรซึ่งไม่มีใครทราบว่าจะใช้กลไกไหน แต่ไม่ใช่ประเภทใช้กองทัพห้ำหั่น ก่อนที่จะเจรจาโดยเฉพาะรัฐบาล หวังว่าวันที่ 14 มิถุนายน จะสร้างอำนาจต่อรองอย่างไร นี่คือประเด็นสำคัญที่รัฐบาลต้องจำใส่ใจและเข้าใจ ไม่ว่าจะเจรจาวิธีไหนจะเสียเปรียบเสมอ เวลาที่ประชาชนต้องการรู้ รัฐบาลต้องสร้างความชัดเจนไม่ว่าจะวิธีการหรือยุทธศาสตร์ อาจจะเปิดเผยไม่ได้แต่ต้องพูดให้ประชาชนเห็นทิศทางให้ไว้ใจ ประชาชนไม่เชื่อมั่นรัฐบาลไม่ว่าสายสัมพันธ์อะไร"
อีกทั้ง รัฐบาลควรใช้โอกาสในการสร้างความชัดเจนว่า สายสัมพันธ์ส่วนตัวไม่มีความสำคัญมากกว่าเรื่องของผลประโยชน์ประเทศชาติ และประชาชนต้องอุ่นใจว่ารัฐบาลอาจกำลังแก้ปัญหา จะจบลงที่การพัฒนาร่วมกันหรือสร้างความสัมพันธ์ที่ดีให้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ขั้นตอนก่อนจะถึงการเจรจารัฐบาลต้องทำให้เห็นว่า เรามีแต้มต่อไม่ใช่แค่พยานหลักฐานและพื้นที่ แต่รวมถึงแต้มต่อทางการเมืองอยู่ในจุดที่
น้อยลง ต้องคิดให้ดีว่าเราได้หรือเสียอย่างไร แต้มต่อทางการเมืองในมิติระหว่างประเทศมีน้อย หากรัฐบาลไม่หาวิธีการในการแก้ปัญหาจะเสียเปรียบ ข้อเสนอของตนชัดเจน ที่สำคัญคืออยากให้รัฐบาลยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว คือการปราบปรามคอลเซ็นเตอร์เป็นส่วนหนึ่งทำให้เราสามารถแก้ปัญหาได้ นี่คือทางออกที่ดี
เมื่อถามว่า การพ่วงเงื่อนไขปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะยากขึ้นหรือไม่ เพราะฝั่งกัมพูชาคงไม่ตอบรับง่ายๆ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ในชั้นตำรวจมีการดำเนินการที่ดี เราหาต้นต่อได้ ยอมรับว่าอาจจะไม่ง่ายที่จับตัวบอสหรือตัวใหญ่ แต่อย่างน้อยถ้าหาเจอทรัพย์สินมีในประเทศไทยหรือไม่ และบรรดาพวกออกญาทั้งหลายที่เป็นฐานกำลังสำคัญของรัฐบาลกัมพูชาเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือเปล่า ตนคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์จะตั้งในพื้นที่กัมพูชาถ้าไม่ได้รับการสนับสนุนจากออกญา หากเราจับไม่ได้แต่เราออกหมายจับได้ ตนพูดเฉพาะการเมืองระหว่างประเทศ แต่พูดถึงฐานะความมั่นคงของคนไทยที่ไม่ควรถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงเอาเงิน นี่คือการยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว จะทำให้เราแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นภายในของประเทศและแก้ปัญหาเรื่องความขัดแย้งที่กำลังเกิดขึ้นได้
เมื่อถามว่า สายสัมพันธ์ของนายกรัฐมนตรีกับกัมพูชา รวมถึงท่าทีการตอบคำถามของนายกรัฐมนตรี จะสะท้อนได้หรือไม่ว่ามีการดีลผลประโยชน์บางอย่าง นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนยอมรับอย่างตรงไปตรงมา การเจรจาเพราะใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัว เราไม่รู้รายละเอียดจริงๆ ไม่รู้ว่ามีการใช้กลไกอย่างไรในการดำเนินการ ตนในฐานะฝ่ายตรวจสอบตรวจสอบยาก คืออย่างไรครับ ยกหูฮัลโหลอย่างนี้หรือ มันทำให้การแก้ปัญหาเรื่องนี้ยาก ทำให้การแก้ปัญหาฝ่ายต่างๆ ยาก และประชาชนไม่ไว้วางใจ
"ความสัมพันธ์ส่วนบุคคลห้ามปรามไม่ได้ แต่กลไกที่ควรจะได้รับความเชื่อมั่นจำเป็นต้องมีการชี้แจงต่อประชาชน รัฐบาลจะแถลงการณ์ใช้เวลามากเกินไปหรือไม่ ยังไม่นับกับนายกฯ วางตัวเมื่อวาน ไม่อยากตำหนิ ตนเป็นฝ่ายค้านในแง่การเมืองภายในประเทศที่ต้องตรวจสอบ การเมืองระหว่างประเทศเราไม่อยากให้เกิดบรรยากาศทีมไทยแลนด์ แต่เมื่อวานท่าทีของนายกฯ ไม่มีความเหมาะสม ท่านควรใจเย็นกว่านี้ ท่านบอกให้สังคมใจเย็นแต่ท่านไม่เย็น คำถามที่ผู้สื่อข่าวถามอาจเป็นคำถามที่ประชาชนต้องการทราบ แทนที่จะใช้โอกาสนี้ในการสร้างความชัดเจนแต่ไม่ใช้ พลิกวิกฤตให้เป็นหายนะโดยไม่จำเป็น"
เมื่อถามว่า ต้องใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวในการจบปัญหาเรื่องนี้หรือไม่ นายรังสิมันต์ ระบุว่า ไม่ใช่ความสัมพันธ์ส่วนตัว เรื่องนี้เป็นเรื่องของการเมืองระหว่างประเทศ กัมพูชาพูดชัดเจนว่าจะเอาประโยชน์ของประเทศชาติเป็นใหญ่ ตนพยายามเชื่อว่ารัฐบาลคงเอาประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ แต่รัฐบาลไม่ได้สร้างความชัดเจน หวังว่าจะสร้างคือเป็นการติเพื่อก่อ เบื้องต้นอยากให้ใช้กลไกที่เรามีในการแก้ปัญหา อย่ามองแค่กรอบเจบีซีหรือทหาร แต่ต้องมองกรอบอื่น การทูตไม่หมายถึงว่าต้องคุยกับแค่กัมพูชาแต่ต้องคุยกับประเทศที่คุยกับชาได้ด้วย
เมื่อถามว่า ปัญหาชายแดนไทยกัมพูชาหากยืดเยื้อไปจะทำให้ความนิยมของพรรคเพื่อไทยตกลงหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ไไม่ทำนายตอนนี้ แต่ทุกการกระทำของรัฐบาลและฝ่ายค้าน เป็นโอกาสที่จะทำให้ประชาชนใช้ตัดสินเรา หากรัฐบาลแก้ไม่ดีเชื่อว่ามีผลกระทบเกิดขึ้น แต่ถ้ารอดูตอนจบว่าเรื่องนี้จะจบอย่างไรจะจบหรือไม่จบต้องติดตาม วันนี้ตนในฐานะกรรมาธิการความมั่นคงเราพยายามใช้กลไกในกรรมาธิการสนับสนุนงานของรัฐบาล งานของฝ่ายความมั่นคงในการแก้ปัญหา วันที่ 12 มิถุนายน ตนนัดประชุมลับซึ่งมีแต่กรรมาธิการที่เข้าประชุมกับฝ่ายความมั่นคง ขอร้องอย่าบอกว่าเป็นเรื่องความมั่นคงเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ถ้าไม่อย่างนั้นเราจะสนับสนุนงานอย่างไร "ประเภทบอกเราหุบปากเงียบๆ ที่ผ่านมาเงียบแล้วรัฐบาลใช้โอกาสให้เป็นโอกาสจริงหรือไม่ กับพลิกโอกาสที่เป็นวิกฤต และพลิกวิกฤตเป็นหายนะ แบบนี้จะจะไปต่อลำบาก"
Advertisement
