วันนี้ (4 มิ.ย.68) เวลา 10.30 น. ณ หน้าห้องประชุม 1 ชั้น 1 อาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ร.ต.อ. สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เปิดเผยความคืบหน้าคดีพิเศษที่ 58/2568 กรณีตรวจสอบสัญญา 3 ฉบับ (ออกแบบ ก่อสร้าง ควบคุมงาน) ในโครงการก่อสร้างสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่ถล่ม ว่า DSI พบเจ้าหน้าที่รัฐกว่า 70 ราย มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฮั้วประมูล โดยเฉพาะกรณีการทุจริตล็อกสเปกในกระบวนการออกแบบ ก่อสร้าง และควบคุมงาน ซึ่งเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542
เนื่องจากเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับตำแหน่งหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ DSI จึงเตรียมส่งสำนวนให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการไต่สวนภายในสัปดาห์นี้ หรืออย่างช้าไม่เกินสัปดาห์หน้า
ร.ต.อ. สุรวุฒิ ระบุว่า DSI ได้สรุปสำนวนคดีฮั้วประมูล โดยมีการกล่าวหาเจ้าหน้าที่รัฐรวม 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1.ผู้บริหารองค์กรอิสระ (สตง.) 2.คณะกรรมการที่เกี่ยวข้องรวม 10 ชุด ในกระบวนการออกแบบ ก่อสร้าง และควบคุมงาน และ 3.คณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาตามกฎหมายจัดซื้อจัดจ้างฯ มาตรา 27 จำนวน 15 ราย
รวมแล้วมีเจ้าหน้าที่รัฐที่ถูกกล่าวหาเกี่ยวข้องประมาณ 70 ราย โดยDSI ได้รวบรวมข้อมูลตั้งแต่อดีตผู้บริหาร สตง. จนถึงชุดปัจจุบัน และยืนยันว่า มีชื่อของ มณเฑียร เจริญผล ผู้ว่าฯ สตง. คนปัจจุบัน รวมอยู่ในสำนวนที่จะส่งให้ ป.ป.ช. พิจารณาไต่สวนด้วย
อย่างไรก็ตาม การไต่สวนความผิดทั้งหมดจะอยู่ในอำนาจของ ป.ป.ช. ตามกฎหมายที่ให้อิสระตรวจสอบกันเอง
ร.ต.อ. สุรวุฒิ ยังเปิดเผยอีกว่า การสอบสวนของ DSI พบหลักฐานการฮั้วประมูลจากการตรวจสอบการควบคุมงานของ กิจการร่วมค้า PKW ซึ่งรับผิดชอบโครงการ โดยพบการกระทำความผิดในส่วนของบุคลากร เนื่องจากมีการปลอมลายมือชื่อและนำชื่อบุคคลอื่นซึ่งไม่มีคุณสมบัติตามข้อกำหนด (TOR) มาใช้เสนอราคาในการคัดเลือก DSI ได้ดำเนินคดีกับกิจการร่วมค้า PKW รวม 6 ราย ซึ่งหนึ่งในผู้ต้องหาเหล่านี้ถูกกล่าวหาว่าเป็นบุคคลสำคัญในการจัดฮั้วประมูลทั้งหมด ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ การก่อสร้าง ไปจนถึงการควบคุมงาน
นอกจากนี้ DSI ยังพบพฤติการณ์ที่คณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างฯ ได้มีการอนุมัติยกเว้นหลักเกณฑ์การคัดเลือก เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กิจการร่วมค้า PKW โดยจากผู้เสนอราคา 19 ราย มีเพียงบริษัท พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ จำกัด ในเครือกิจการร่วมค้า PKW ที่เข้าเสนอราคา
ส่วนอีกสองบริษัทในกิจการร่วมค้า PKW ไม่ได้เข้าร่วม แต่มีการขอยกเว้นหลักเกณฑ์เพื่อให้สามารถดำเนินการได้ ซึ่ง DSI พบว่ามีการดำเนินการยกเว้นจริง ส่วนจะมีการเอื้อประโยชน์หรือไม่นั้น เป็นอำนาจของ ป.ป.ช. ในการไต่สวนต่อไป
โดยการสอบสวนคดีพิเศษที่ 32/2568 ในความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวฯ กรณี บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งมีผู้ต้องหา 5 ราย ทำให้ DSI พบความเชื่อมโยงเพิ่มเติมอีก 2 ส่วน คือ คดีฮั้วประมูล (คดีพิเศษที่ 58/2568) และคดีนอมินีภาคสอง ที่เกี่ยวข้องกับ บริษัท สันติภาพ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ซึ่งอยู่ระหว่างการออกเลขรับเป็นคดีพิเศษ คาดว่าจะมีบริษัทที่เกี่ยวข้อง 16 ราย และอาจมี 4 บริษัทที่เข้าข่ายกระทำผิดเบื้องต้น
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับรายชื่อ กิจการร่วมค้า PKW จำนวน 6 ราย ประกอบด้วย 1.บริษัท พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ จำกัด 2.นายปฏิวัติ ศิริไทย 3.บริษัท เคพี คอนซัลแทนส์ แอนด์ แมเนจเม้นท์ จำกัด 4.นายกฤตภัฏ ปล่องกระโทก 5.บริษัท ว. และสหายคอนซัลแตนตส์ จำกัด โดยนายโชควิชิต ลักษณากร หรือ นายพลเดช เทอดพิทักษ์วานิช และนางปราณีต แสงอลังการ และ 6.นายพลเดช เทอดพิทักษ์วานิช
ในส่วนของการติดตามตัว บิลลิง วู ผู้ต้องหารายสำคัญชาวจีน ซึ่งเชื่อว่าเกี่ยวข้องโดยตรงกับบริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ DSI ยืนยันว่ากำลังประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และกระบวนการสืบค้นและจับกุมกำลังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง
Advertisement