Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
แฉเล่ห์เขมร! รุกคืบจ้องยึดช่องบกของแผ่นดินไทย อ้างอยู่มาก่อน MOU2543

แฉเล่ห์เขมร! รุกคืบจ้องยึดช่องบกของแผ่นดินไทย อ้างอยู่มาก่อน MOU2543

30 พ.ค. 68
09:29 น.
แชร์

"วาสนา นาน่วม" เปิดเบื้องหลังวงเจรจา แฉเล่ห์เขมรรุกคืบ แผนจ้องยึดช่องบกของแผ่นดินไทย อ้างทหารกัมพูชาอยู่มาก่อนมี MOU2543 ยันไทยมีหลักฐานชัด 

จากกรณีเกิดเหตุปะทะกันระหว่าง ทหารไทยและทหารกัมพูชา ที่บริเวณช่องบก จ.อุบลราชธานี เมื่อเวลา 05.45 น. วันที่ 28 พ.ค. 68 จนต่อมาวันที่ 29 พ.ค. 68 ผบ.ทบ.ของไทย และ ผบ.ทบ.ของกัมพูชา ได้นัดเจรจาหารือร่วมกัน พร้อมมีข้อตกลงสรุปให้แต่ละฝ่ายถอยออกพื้นที่ทับซ้อนฝ่ายละ 200 เมตร และรอคณะกรรมการปักปันเขตแดนดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องแผนที่พื้นที่ทับซ้อน ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้ 

ล่าสุดวันที่ 30 พ.ค. 68 น.ส.วาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าวอาวุโสสายทหาร ได้โพสต์คลิปวิดีโอลงในยูทูบช่อง “Wassana Nanuam” ที่มีผู้ติดตาม 4.9 แสนคน พูดในหัวข้อ “เล่ห์เขมร! ผบ.ทบ.เขมรกร้าวกลางวงเจรจา! ไม่ยอมถอย ยึดแดนไทยช่องบก แถลงการณ์ยึดแดน ซัด!ไทยผู้รุกราน” 

โดยเป็นการเปิดเบื้องหลังวงเจรจา ผบ.ทบ.ไทย-กัมพูชา ก่อนเขมรออกแถลงการณ์ ข้อ4 มัดมือชก ผบ.ทบ.ไทย 

น.ส.วาสนา ระบุว่า การเจรจาระหว่าง ผบ.ทบ.ไทยและ ผบ.ทบ.กัมพูชา เมื่อวันที่ 29 พ.ค. ที่ผ่านมา ใช้เวลาพูดคุยประมาณ 90 นาที ไม่ได้จบลงด้วยความสวยงาม หรือความราบรื่น หรือความสำเร็จ แต่อาจกำลังตามมาด้วยปัญหา และความเสียเปรียบของฝ่ายไทย 

จะเห็นได้ว่าภายหลังการประชุมเสร็จสิ้น มีรายงานข่าวออกมาจากที่ประชุมว่าสามารถตกลงกันได้ใน 3 ข้อ คือ 1.การถอยกำลังออกจากกันจากจุดที่เป็นความขัดแย้ง 2.ให้รอการเจรจาของคณะกรรมการชายแดนระดับภูมิภาค (RBC) และคณะกรรมการปักปันเขตแดน (JBC) ที่กำลังจะประชุมกันในอีกประมาณ2 งสัปดาห์ หรือประมาณกลางเดือน มิ.ย.นี้ และ 3.ให้ทั้งสองฝ่ายอยู่ร่วมกันในพื้นที่ด้วยความระมัดระวัง และอดทนไม่ให้เกิดปัญหากระทบกระทั่ง โดยให้ผู้บังคับบัญชาดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งเป็น 3 ข้อที่เป็นรายงานจากฝ่ายทหารไทย ดูเหมือนจบสวยงามราบรื่น รวมถึงยังมีคำแถลงของโฆษกกองทัพบกที่แจกเป็นเอกสาร  แต่ในแถลงการณ์ของกองทัพบกไม่ได้ระบุเป็นข้อๆ หรือ 3 ข้ออย่างที่มีรายงานข่าว แต่เป็นการสรุปประเด็นในการพูดคุยระหว่าง ผบ.ทบ.สองประเทศ เป็นการแถลงแบบไทยคือทำให้ ดูว่าการเจรจาสำเร็จเรียบร้อยทุกอย่างผ่านไปด้วยดี และไม่พูดถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ในสิ่งที่ตกลงกันไม่ได้ และฝ่ายกัมพูชาไม่ยินยอม นั่นคือการไม่ยอมถอนกำลังออกจากพื้นที่ปะทะล่าสุด ที่เรียกว่าช่องบก 

น.ส.วาสนา กล่าวว่า โดยฝั่งเขมรเข้ามายึดถึงแนวต้นต้นพญาสัตบรรณ หรือต้นตีนเป็ด ซึ่งบริเวณนี้ถือเป็นเขตแดนประเทศไทย ไม่ใช่พื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อน แต่ทาง ผบ.ทบ.กัมพูชายืนยันหนักแน่นในที่ประชุมว่าพื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ที่ทหารกัมพูชา อยู่มานานก่อนปี 2543 ก่อนทำข้อตกลง MOU2543 เพราะฉะนั้นทางฝ่ายกัมพูชาจะไม่สามารถถอนกำลังออกจากพื้นที่ตรงนี้ได้ เรื่องนี้ไม่มีการพูดในคำแถลงของฝ่ายกองทัพบกไทย แต่จะเห็นได้ว่าในส่วนของคำแถลงการณ์ของฝ่ายกัมพูชาที่มีการเผยแพร่นั้น ถือเป็นแถลงการณ์ที่ผูกมัดว่าเป็นข้อตกลงผลจากการหารือระหว่าง ผบ.ทบ.สองชาติ โดยสรุปออกมาเป็น 4 ข้อ 

ซึ่ง 3 ข้อแรกไม่แตกต่างจากฝ่ายทหารไทย แต่ที่ฝ่ายกัมพูชามีการระบุชัดเจนในข้อ 4 ก็คือกัมพูชาจะไม่ถอย และยืนหยัดโดยปราศจากอาวุธในจุดที่เกิดความขัดแย้ง เพราะพื้นที่ตรงนี้ทหารกัมพูชาอยู่มาก่อนที่จะมีข้อตกลง MOU2543 และตบท้ายด้วยว่าทั้ง 4 ข้อนี้ได้รับการตกลงจาก ผบ.ทบ.ไทยและกัมพูชาเรียบร้อยแล้ว 

นั่นเป็นการสะท้อนว่ากัมพูชาได้มีการประกาศดินแดงอธิปไตยของตนเองบนโต๊ะเจรจาในครั้งนี้แล้ว และได้รับความเห็นชอบจาก ผบ.ทบ.ฝ่ายไทย สะท้อนว่าการเจรจาครั้งนี้กัมพูชาไม่ได้มาเล่นๆ เพราะว่ารู้สึกเสียเปรียบ แต่มาเพราะว่าเราก้าวขาเข้าไปในแผนของเขาหนึ่งก้าวแล้ว โดยในที่ประชุมไม่ได้มีการท้วงติง หรือแย้ง แม้ว่าไทยจะมีการเตรียมข้อมูลภาพถ่ายทางอากาศต่างๆ ไว้แล้วก็ตาม 

น.ส.วาสนา กล่าวว่า การเจรจาครั้งนี้ ผบ.ทบ.ไทยพูดก่อน โดยสรุปออกมาได้ทั้งหมด 11 ประเด็น ซึ่งในจำนวนนี้ได้เสนอให้ทั้งสองฝั่งถอยออกจากแนวต้นพญาสัตบรรณฝ่ายละ 200 เมตร และให้ลาดตระเวนร่วมกันโดยปราศจากอาวุธ และรอการเจรจาในระดับ RBC และ JBC พอพูดจบ ผบ.ทบ.กัมพูชา ก็ตอบเป็นข้อๆ ทั้งหมด 14 ประเด็น แต่ประเด็นสำคัญก็คือ  ยืนยันว่าทหารกัมพูชาจะไม่สามารถถอยออกจากแนวต้นพญาสัตบรรณได้ เพราะเป็นพื้นที่กัมพูชาอยู่มาก่อนมีข้อตกลง MOU2543 จากนั้นก็พูดต่อจนจบทั้ง 14 ประเด็น แต่จากรายงานเบื้องต้นที่ประชุมไม่ได้มีการแย้งในเรื่องนี้ว่าแนวต้นพญาสัตบรรณเป็นพื้นที่ของประเทศไทย แม้ว่าฝ่ายไทยจะเตรียมข้อมูลเตรียมเอกสารหลักฐานมาแล้วก็ตาม อาจจะด้วยเพราะการพูดคุยมีหลายประเด็น และฝ่ายไทยก็เน้นที่จะพูดในเชิงบวก พูดถึงความต้องการของระดับผู้บังคับบัญชา 

ครั้งนี้ฝ่ายกัมพูชาเป็นฝ่ายขอเจรจาก่อน ราวกับว่ารอวันนี้มานาน หลังจากที่ได้มีการยั่วยุ มีการรุกล้ำได้ปฏิบัติการหลายอย่าง เพื่อต้องการให้เกิดวันนี้ และนำมาสู่โต๊ะเจรจา และจะเห็นได้ว่ากัมพูชามาเป็นแผง ทั้ง สมเด็จฮุนเซน และ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ก็ยืนยันที่จะให้ให้ฝ่ายทหารกัมพูชาปกป้องมาตุภูมิ และอธิปไตยดินแดนกัมพูชา แม้ว่าจะไม่อยากเห็นการสู้รบก็ตาม โดยเฉพาะระบุว่าต้องการให้มีการแก้ไขโดยการใช้กฎหมายระหว่างประเทศ ที่ฝ่ายไทยเราเคยระมัดระวังว่าฝ่ายกัมพูชาเล็งที่จะเอาเรื่องสถานการณ์ชายแดนไปฟ้องชาวโลกฟ้องศาลโลก แม้ว่าไทยเราจะไม่ได้รับอำนาจแล้ว ตั้งแต่กรณีปราสาทเขาพระวิหาร แต่เขาก็สามารถที่จะฟ้องฝ่ายเดียวได้ หรือฟ้องทางองค์การสหประชาชาติที่ไทยเราเป็นสมาชิก หรือเขาอาจมีช่องทางอื่น นี่เป็นสิ่งที่ฝ่ายไทยเราต้องระมัดระวังอย่างที่สุดเพราะตอนนี้เราก้าวไปในแผนของเขาแล้วหนึ่งก้าว 

“ภาพที่ออกมามีการจับมือยิ้มแย้มแจ่มใส แต่หารู้ไม่ว่าฝ่ายกัมพูชาเขาเตรียมอะไรไว้ แถลงการณ์ฉบับนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นว่ากัมพูชาได้วางธงอะไรเอาไว้ นั่นคือการประกาศว่าตรงนั้นคือดินแดนของกัมพูชา และอ้างด้วยว่า ผบ.ทบ.ไทยก็รับทราบแล้ว” น.ส.วาสนา กล่าว 

แม้ว่าเราจะมีหลักฐานว่าเขมรไม่ได้อยู่ตรงนี้มาก่อนปี 2543 แต่เพิ่งเข้ามาเมื่อช่วงเดือน ก.พ. 2568 โดยค่อยๆ คืบคลานเข้ามาก่อนที่จะมีการเผาศาลาตรีมุขที่ช่องบก และจากนั้นเขมรก็นำกำลังคืบคลานเข้ามา ซึ่งฝ่ายไทยมีหลักฐานเป็นภาพถ่ายทางอากาศทั้งหมด แต่เราก็ควรจะแย้งในที่ประชุมการเจรจาวันที่ 29 พ.ค. ที่ผ่านมา เพราะทหารไทยทางชายแดนรู้ดีว่าทหารกัมพูชาเพิ่งนำกำลังมาช่วงที่มีการวางแผนเผาศาลาตรีมุข และจากนั้นก็เคลื่อนกำลังเข้ามาจนในที่สุดก็มาถึงแนวต้นพญาสัตบรรณ ซึ่งจุดนี้เป็นเขตแดนของประเทศไทย 

น.ส.วาสนา กล่าวว่า นอกจากนี้ตนได้รับแจ้งจากกรมสนธิสัญญาเป็นข้อความที่เขาส่งมาถึงกองทัพ ยืนยันว่าจากพิกัดต้นพญาสัตบรรณ และแนวที่ประทะกันนั้นเป็นดินแดนของประเทศไทย และเตือนให้ฝ่ายกองทัพเวลาพูดหรือให้ข่าวอย่าไปเข้าใจผิดว่าบริเวณนั้นเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อน แต่บริเวณนั้นเป็นของประเทศไทยตามแผนที่อย่างชัดเจน เพราะในตอนแรกแม่ทัพภาค 2 และโฆษกกองทัพบก ให้สัมภาษณ์วันที่เกิดการปะทะกันนั้นก็มีการระบุว่าเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ แต่จริงแล้วมันคือดินแดนของประเทศไทย เพราะเขมรได้ล้ำเข้ามาถึง 150 เมตร และล้ำจากที่มีการปะทะกัน 

เมื่อไม่มีทหารไทยเฝ้าอยู่ เขมรก็ค่อยๆ ลุกขึ้นเข้ามาเรื่อยๆ และเหตุการณ์ล่าสุดถือเป็นเหตุการณ์สำคัญ เมื่อเช้าวันที่ 29 พ.ค. 68 ก่อนการเจรจาของ ผบ.ทบ.ทั้งสองชาติ ช่วงเช้าทหารกัมพูชาได้ยิงปืนขึ้นประมาณ 20 นัดจากบริเวณแนวต้นพญาสัตบรรณ พุ่งมาทางฝั่งประเทศไทย ซึ่งทหารไทยได้รับคำสั่งให้หยุดยิง และห้ามไม่ให้ยิง ดังนั้นจึงไม่ได้มีการยิงตอบโต้ เพราะคาดว่าทางกัมพูชายิงเพื่อเช็คแนวว่าทหารไทยได้ถอยออกไปจากแนวที่กำหนดหรือยัง ทหารไทยถอยแต่ทหารกัมพูชาก็ขยับเข้ามาอีก นี่คือความยากของการเจรจา และเป็นสาเหตุที่กัมพูชาได้ประกาศบนโต๊ะเจรจาว่า ทหารกัมพูชาถอยไม่ได้ 

 

ขอบคุณข้อมูล : ยูทูบช่อง “Wassana Nanuam”

Advertisement

แชร์
แฉเล่ห์เขมร! รุกคืบจ้องยึดช่องบกของแผ่นดินไทย อ้างอยู่มาก่อน MOU2543