เมื่อเวลา 20.40 น. วันที่ 28 พ.ค. 68 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท วาระที่ 1
น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม.พรรคประชาชน อภิปรายว่า ตนจะอภิปรายในหัวข้อการปฏิรูปงบประมาณ เพื่อป้องกันการคอร์รัปชัน และป้องกันการทุจริตในภาครัฐ ส่วนแรกคือทำไมการจัดการปัญหาคอร์รัปชันจึงเป็นเรื่องเดียวกับนโยบายเศรษฐกิจ เพราะมีข้อมูลว่าการคอร์รัปชันในภาครัฐสูงถึง 5 แสนล้านบาทต่อปี และงบก้อนใหญ่ที่สุดในการทุจริตคอร์รัปชันคือการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งมีการคอร์รัปชันมูลค่าสูงสุด 2-3 แสนบาท โดยเฉพาะในงบลงทุนที่เป็นงบก้อนใหญ่ในการจัดซื้อจัดจ้าง เราจะเห็นจากตามหน้าข่าวว่าการคอรัปชันจะเกิดขึ้นจากงบก่อสร้าง รวมถึงคุรุภัณฑ์ต่างๆ ตนไม่แน่ใจว่าเป็น เพราะ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังหรือไม่ ที่กำหนดสัดส่วนรายจ่ายลงทุนต้องมีสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 20% ของงบประมาณแผ่นดิน
ซึ่งเป็นความตั้งใจอันดีที่จะกำหนดไว้ เพราะการลงทุนกับโครงสร้างพื้นฐานเป็นประโยชน์ทางเศรษฐกิจ การจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ ทำให้เงินหมุนเวียนในเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยตัวเองอยู่แล้ว หากมีโครงสร้างพื้นฐานที่ดีประเทศจะสามารถเดินหน้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แต่แม้ว่าเราจะมีรายจ่ายลงทุนมากขนาดนี้มาหลายปี แต่ทำไมโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจยังไม่เป็นอย่างที่หวัง คำตอบคือการคอร์รัปชันในภาครัฐที่เกิดขึ้น ซึ่งไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่งบประมาณต่างๆ จะปรากฏอยู่ใน สส.เขตฝั่งรัฐบาล
“ประชาชนอย่าหลงดีใจว่าท่านได้ สส.เขตอยู่ฝั่งรัฐบาลจะมีงบประมาณมาลง แล้วบ้านท่านจะพัฒนา เพราะเขาไม่ได้โยกงบลงมา เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตท่าน แต่เขาโยกงบไปลงให้กับผู้รับเหมาในเครือข่ายตัวเอง แล้วสิ่งที่ท่านได้อาจจะไม่ใช่ความเจริญ แต่เป็นถนนกากๆ ฟุตบาทห่วยๆ ที่สร้างให้ดีไม่ได้ เพราะต้องหาเรื่องทุบทำใหม่” น.ส.รักชนก กล่าว
น.ส.รักชนก กล่าวว่า เช่นเดียวกับตึกหน่วยงานราชการที่ถูกทิ้งร้าง มีทุกจังหวัดของเก่าไม่สร้าง หาสร้างใหม่ไปเรื่อย บางจังหวัดมีงบประมาณบริหารจัดการน้ำลงทุกปีโดยเฉพาะจังหวัดที่มีรัฐมนตรีอยู่ แต่ท่วมและแล้งแบบหัวปีท้ายปีเป็นไปได้อย่างไร ทั้งที่มีงบไปลงทุกปี และไม่นานโครงการพวกนี้ก็จะสลายหายไปกับน้ำ แล้วปีหน้าจะต้องตั้งงบมาทำใหม่ ข้อมูลดัชนีคอรัปชั่นของประเทศไทยตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมาเราถูกเพื่อนบ้านแซงไปหลายเรื่อง เพราะไม่ว่าโลกนี้จะเปลี่ยนแปลงไปยังไงก็แล้วแต่ประเทศไทยไม่เคยมีรัฐบาลที่มีเจตจำนงในการจัดการปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน
น.ส.รักชนก กล่าวว่า ในการหาส่วนต่างจากงบประมาณสามารถแบ่งออกได้เป็น 5 กลุ่ม ในการจัดซื้อจัดจ้างคือ 1.การเพิ่มโครงการ รายการที่ไม่จำเป็น 2.การซื้อของแพงเกินราคา 3.การล็อกสเปค 4.การประมูล และ5.การแก้ไขสัญญา ซึ่งตนขอเสนอ การปฏิรูปกระบวนการงบประมาณเพื่อป้องกันปัญหาทุจริตและลดคอร์รัปชัน
โดยมีขั้นตอนคือกระบวนการเตรียมคำของบประมาณ รัฐบาลต้องกำหนดกรอบงบประมาณให้แต่ละกระทรวง โดยให้หน่วยงานของบประมาณภายใต้กรอบเพื่อจัดสรรด้วยตัวเอง เพื่อให้มีผู้รับผิดชอบชัดเจน เมื่อใช้งบแล้วไม่บรรลุวัตถุประสงค์ ผู้รับผิดชอบคือรัฐมนตรีเจ้ากระทรวง ส่วนสำนักงบประมาณเปลี่ยนหน้าที่จากคนเลือกโครงการมาเป็นผู้วัดผลแทน โครงการไหนที่ทำแล้วประเทศยังเหมือนเดิมต้องทบทวน และส่งความคิดเห็นให้หน่วยงานเลิกทำโครงการ
ส่วนขั้นตอนที่2 กระบวนการพิจารณางบประมาณ สำนักงบประมาณจะต้องเปิดข้อมูลคำของบประมาณ ของทุกโครงการที่หน่วยรับงบประมาณส่งมาขอเงินจากท่าน ให้เห็นไปเลยว่ารายละเอียดสร้อยในโครงการเป็นอย่างไร ข้อมูลหลายชิ้นขอซื้ออะไรบ้าง เปิดออกสาธารณะเพื่อให้ประชาชนได้เห็น แค่เปิดประเทศก็เปลี่ยน
“เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา สส.พริษฐ์ ได้เปิดเผยคำของบประมาณของรัฐสภา ต้องเรียกว่าเป็นมิติใหม่ เพราะปกติต้องรอให้เขากินให้เสร็จก่อน แบ่งกันให้เสร็จก่อน แล้วค่อยมาจับได้ที่หลัง แต่อันนี้ผิดแต่ยังไม่ได้ใช้งบประมาณ จนทำให้ประชาชนหูตาสว่างว่ารัฐสภาอันทรงเกียรติแห่งนี้ใช้งบทำของอย่างไม่จำเป็นเช่นห้องดูหนัง 4 มิติ ซ่อมของที่ยังไม่ได้พังอย่างห้องประชุมงบประมาณ สร้างของที่ไม่มีใครเคยได้ใช้ประโยชน์อย่างศาลาแก้ว และจะทุ่มเทงบประมาณอย่างมหาศาลไป เพื่อกลบเกลื่อนความผิดที่ตัวเองทำผิดกฎหมายอย่างที่จอดรถ ดังนั้นตนจึงเสนอเปิดให้ประชาชน และภาคประชาสังคมเห็นเลยตั้งแต่ต้นปี และดูไส้ในในทุกโครงการสองให้เห็นทุกซอกทุกมุมว่าหน่วยงานไหนขอเงินมาทำอะไรบ้าง” น.ส.รักชนก กล่าว
น.ส.รัชนก กล่าวว่า รวมทั้งขอให้มีการถ่ายทอดสด การประชุมกรรมธิการงบประมาณ รวมถึงอนุกรรมาธิการ และขอให้เปิดเอกสารที่ไม่ตีลับของกรรมาธิการและอนุกรรมาธิการงบประมาณทุกชุด สส.ได้เอกสารแบบไหนประชาชนต้องสามารถโหลดและเอกสารแบบเดียวกันได้ แต่ก็ได้รับเหตุผลว่าจะไปพาดพิงคนที่สาม หรือจะกลัวเพราะเคยมีกรณีที่ สส.รีดไถเงินอธิบดีในกรรมธิการงบ นอกจากนั้นตนยังเสนอให้สภาท้องถิ่นมีการไลฟ์สดกรรมการงบเช่นเดียวกัน
น.ส.รัชนก กล่าวว่า ในส่วนของกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง คือให้ทำแพลตฟอร์มเหมือนแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ขายสินค้ามีการเปรียบเทียบราคา ทำให้การหาส่วนต่างหายไป โดยหน่วยงานของรัฐสามารถเลือกได้อย่างเรียลไทม์ ตนเข้าใจว่ากรมบัญชีกลางกำลังพัฒนาแพลตฟอร์มที่คล้ายกันอยู่ แต่ก็มีความกังวลว่าจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการล็อคสเปค รวมทั้งขอให้เปิดเผยข้อมูล API ระบบ e-GP เปิดAPI ข้อมูลผู้ถือหุ้นของบริษัทจดทะเบียนทั้งหมดในระบบDBD ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดAPI ข้อมูลผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐทั้งหมดจากฐานข้อมูลของกพ. และ เปิด ข้อมูลบัญชีทรัพย์สินข้าราชการระดับสูง และนักการเมือง เพื่อทำRed Flag จับโครงการที่น่าสงสัยที่เสี่ยงต่อการฮั้วประมูล ล็อคสเปค รวมถึงโครงการที่ข้าราชการนักการเมืองมีเอี่ยว และขอให้กรมบัญชีกลางเปิดเผย ข้อมูลการบริหารสัญญาโดยให้กำหนดรหัสเดียวตั้งแต่เริ่มโครงการโดยให้ประชาชนสามารถเข้าไปตรวจสอบผ่านช่องทางออนไลน์
น.ส.รัชนก กล่าวว่า ข้อเสนอในการสอบทานคือ ปฏิรูป สตง. และสำนักงบประมาณ ซึ่งมีหน้าที่ ที่เหมาะสมคือการวัดผลโครงการที่ถูกใช้งบประมาณไปเมื่อปีก่อน เพื่อประกอบการจัดสรรงบประมาณในปีถัดไป หากโครงการไหนที่ทำไปแล้วไม่มีผลสัมฤทธิ์หรือพบว่ามีการทุจริตสำนักงบประมาณต้องไม่ปล่อยให้เกิดขึ้นอีก ส่วนสตง.ควรเป็นเสาหลักในการทำงบประมาณให้ถูกต้องและคุ้มค่ามีประสิทธิภาพ รวมถึงให้ความรู้แก่หน่วยงบประมาณ เพื่อให้ใช้งบประมาณได้อย่างคุ้มค่าและป้องกันการทุจริตคอร์รัปชัน
น.ส.รัชนก กล่าวว่า สุดท้ายการทุจริตและคอร์รัปชันตนยืนยันว่ามันป้องกันได้ และตนเชื่อว่าประชาชนในประเทศนี้ ไม่ว่าจะเป็นอนุรักษ์นิยมหรือเสรีนิยมไม่มีใครที่ชอบเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่น ทุกท่านรู้ว่ามันเป็นสิ่งที่เลวร้าย และถ่วงความเจริญก้าวหน้าของประเทศไทยและเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับให้เกิดขึ้นได้ในประเทศนี้ ตั้งแต่ตนเกิดมาก็ถูกเสี้ยมสอนอะไรหลายๆ อย่างตั้งแต่โตไปไม่โกง สอนกันมาตั้งแต่เด็กๆ แต่พอดิฉันโตมาถึงได้รู้ว่าไอ้พวกที่พยายามจะเสี้ยมสอนเด็กๆ นั่นแหล่ะ โกงกันฉิบหายคอร์รัปชันกันทุกระดับ ตั้งแต่ของใหญ่ๆ อย่างตึก อาคาร ถนน แหล่งน้ำเพื่อการเกษตร ไปจนถึงอาหารกลางวันและนมโรงเรียน ถามว่าประเทศไทยเราจะจัดการปัญหาทุจริตคอร์รัปชันได้จริงหรือไม่ คำตอบคือทำได้แต่มันต้องเป็นรัฐบาลที่มีเจตจำนงมาทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชนจริงๆ สิ่งที่ตนพูดมาทั้งหมดนี้ มันไม่ได้วิเศษวิโสหรือวิลิศมาหราอะไรเลย มันไม่ได้ไกลเกินสมองของรัฐมนตรีที่นั่งอยู่ทั้งหมดในสภาแห่งนี้จะคิดได้ แต่ถามว่าพวกเขารู้ทุกอย่างแต่ทำไมพวกเขาไม่จัดการ ก็เพราะว่าจัดการแล้วจะกอบโกยเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง จะหาประโยชน์เข้าพวกพ้องตัวเองได้อย่างไร
“วันนี้คนที่ดิฉันอยากสื่อสารมากที่สุดคือ ประชาชนที่อยู่ทางบ้าน ตนกล้าพูดว่าถ้าพวกเราพรรคประชาชนมีอำนาจ พวกเราทำได้ พวกเราจะสร้างระบบงบประมาณที่ทำให้ภาษีทุกบาททุกสตางค์ของท่าน ถูกใช้อย่างคุ้มค่า ถูกใช้เพื่อพัฒนาทุกชีวิตในประเทศนี้ให้มีโอกาสได้เข้าถึงศักยภาพสูงสุดของตัวเอง และก่อนที่เราจะลดคอร์รัปชันได้ เราจะต้องมีรัฐบาลที่มันจริงจังก่อน ดังนั้นตนจึงไม่สามารถโหวตรับร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ได้ นอกจากพวกเราจะล้างบางพวกทุจริตคอร์รัปชันให้หมดประเทศก่อน” น.ส.รัชนก กล่าว
Advertisement