วันที่ 20 พ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงกรณีที่ในช่วงนี้ สส.กลุ่มภาคตะวันออก เนื้อหอม และเป็นที่สนใจของพรรคการเมืองต่างๆว่า ในพื้นที่ภาคตะวันออกมีผู้แทนพอสมควร และเป็นพื้นที่การชี้วัดการช่วงชิงกันในการเลือกตั้งทุกครั้ง
แต่ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาผลงานของพรรคร่วมรัฐบาลนั้นเป็นไปได้ไม่ค่อยดี แต่มีจุดแก้ไขได้ทั้งหมด เพราะเกิดจาก หลายภาคส่วนที่เราแข่งขันกันเอง ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในบางส่วนแต่เชื่อว่า การเลือกตั้งครั้งหน้าเราสามารถทำได้ เพราะการเลือกตั้งท้องถิ่นที่ผ่านมาทำให้เราเห็นในหลายอย่าง ทั้งจุดอ่อนจุดแข็งของแต่ละพื้นที่คืออะไร
เมื่อถามว่า เช่นนี้กลุ่มของนายสุชาติ จะเป็นที่หมายตาหรือไม่ นายสุชาติ ระบุอีกว่า ตนอยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออกมานาน ซึ่งทางภาคตะวันออก ภาคตะวันตก และภาคกลาง ก็มีเพื่อนและกัลยาณมิตรที่ดี แต่พื้นที่ภาคตะวันออกเป็นพื้นที่ที่สามารถช่วงชิงได้ และเมื่อเราเป็นคนพื้นที่ก็ต้องรักษาพื้นที่เอาไว้ให้ได้ เพื่อให้ได้มากขึ้น
เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่าขณะนี้มีการเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งครั้งหน้าแล้วใช่หรือไม่ นายสุชาติกล่าวว่า เราดูตั้งแต่การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือ อบจ. เทศบาล อาจจะมีการเลือก อบต. ซึ่งจะเห็นภาพชัด โดยที่ที่ผ่านมาพรรคที่ได้ผู้แทนมาก จากที่ดูชาวบ้านเข้าใจพื้นที่ว่าเลือกเพราะอะไร และต่อไปจะเลือกอะไร
เมื่อถามว่า จากนี้จะต้องเดินหน้าเรื่องกลุ่มการเมืองก่อนใช่หรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า เราต้องหาแนวร่วมจากชาวบ้านและผู้นำในพื้นที่ก่อน
เมื่อถามว่า มีต่างพรรคการเมืองมาจีบบ้างหรือไม่ นายสุชาติ ยอมรับว่า ก็มีความสนิทสนมกับคนหลายหลายคน และในพรรคร่วมรัฐบาลเราก็สนิทกัน แต่หากถามว่าจีบหรือไม่ทุกคนมีพื้นที่ของตัวเอง ต่างคนต่างทำพื้นที่ก่อน แล้วก็มีเวลาอีก 2 ปี ไม่ใช่ว่าการทำการเมืองจะทำได้ภายใน 3-6 เดือนนะ แต่ต้องทำเป็นปี
พร้อมยอมรับว่า ในส่วนตัวเคารพรัก กับ ร.อ.ธรรมนัสพรหมเผ่า สส.พะเยา และประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ซึ่งคุ้นเคยกันมาตั้งแต่ปี 2562 ก่อนมาเป็นผู้แทนด้วยกัน แต่ในทางการเมืองเราเคารพการตัดสินใจซึ่งกันและกัน ทั้งนี้สิ่งที่ ร.อ.ธรรมนัส พูดก็ถูกกรณี นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ที่ความเป็นพี่น้อง มากกว่าทางการเมือง
ส่วนจะรับกล้าธรรมไว้พิจารณาหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า ตนไม่ใช่ตัวคนเดียว แต่มีเพื่อนหลาย ทางภาคตะวันตก ภาคกลาง รวมถึงภาคใต้ ซึ่งต้องพิจารณาด้วยว่าเพื่อนเราอยู่อย่างไร แต่วันนี้ต้นสังกัดอยู่พรรค รทสช. แต่ไม่สามารถพูดได้
เมื่อถามว่า พรรคกล้าธรรม กับพรรคภูมิใจไทย พรรคไหนจะสามารถทำให้การทำงานได้มากกว่าในอนาคต นายสุชาติ กล่าวว่า การเมืองวันนี้อยู่ที่ความเข้มแข็งของแต่ละคน ไม่ได้มองว่าพรรคการเมืองใด จะทำให้ทำงานได้ง่ายหรือยาก ส่วน รทสช.ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยกัน ผ่านอุดมการณ์ทางการเมือง ซึ่งจะต้องดูไปเรื่อยๆว่าอนาคตพรรคเราจะเป็นอย่างไร และต้องถามความเห็นของเพื่อนในที่ประชุม ซึ่งตอนที่ตนสังกัด รทสช. ก็พาเพื่อนมาหลายสิบคน จึงไม่สามารถตัดสินใจคนเดียวได้โดยเคารพการตัดสินใจของเพื่อนๆ ซึ่งตนทำงานเพื่อสนับสนุนนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร และเรายังเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งไม่ว่าจะเป็นภูมิใจไทยหรือกล้าธรรม ก็เป็นพรรคร่วมรัฐบาลที่มีเป้าหมายเดียวกันเพื่อประเทศชาติบ้านเมือง ฉะนั้นหากมีเป้าหมายเดียวกันก็ทำงานร่วมกันได้
เมื่อถามว่า หากแนวทางพรรคไหนไม่ถูกใจคนในกลุ่ม จะออกมาตั้งพรรคเองหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า การเมืองเป็นเรื่องอนาคต ซึ่งหากเราให้คำสัญญาไป แต่วันหน้าไม่ใช่เราก็จะเสียคำพูด ฉะนั้นวันนี้จึงยังไม่สามารถรับปากใครได้ และต้องหารือกับกลุ่มเพื่อนๆประมาณ 20 คน ช่วง 28-29 พ.ค.นี้ ถึงการทำงานในพื้นที่และอัพเดทสถานการณ์การเมืองว่าจะเดินทางไปแนวไหน พร้อมย้ำว่ายึดหลักพรรคร่วมรัฐบาล รับใช้รัฐบาล และเป็นพรรคร่วมที่ทำงานให้นายกรัฐมนตรีอย่าง
Advertisement