จากกรณีกระแสการย้ายพรรคของนางสาว กฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์ สส.เขต 6 จังหวัดชลบุรี พรรคประชาชน ที่ขอยุติการทำงานร่วมกับพรรค และเตรียมย้ายไปอยู่กันพรรคกล้าธรรมของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สร้างความไม่พอใจกับประชาชนที่เลือกเข้าไป ล่าสุดมีการแชร์ในโชเชียลจำนวนมาก กรณีร้านอาหารแห่งหนึ่ง ในอำเภอศรีราชา ขึ้นป้ายไม่ขายให้งูกฤษฎิ์
ผู้สื่อข่าวลงพื้นทีร้านอาหารดังกล่าวตั้งอยู่ ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี พบ นายพรทัต ทองสุข เจ้าของร้าน “ป๋าทัตราดหน้าเกี๋ยวทอง” เปิดใจถึงความรู้สึก ผิดหวังอย่างรุนแรงต่อกรณีการย้ายพรรคของ สส.กฤษฎิ์ โดยเปรียบการกระทำครั้งนี้ว่าไม่ต่างจากการ “หักหลังประชาชน”และ“หักหลังอุดมการณ์”
“เดิมทีเราไม่รู้จักเขาเลยด้วยซ้ำ แต่พอเขาลงในนามพรรคก้าวไกลเราก็เต็มที่ ถึงขั้นบอกลูกค้าว่า ‘ขอนะเบอร์ 7 นะทิ้งดิ่งเลย’ ทั้งที่เราสนิทกับบ้านใหญ่ แต่เรายอมเปลี่ยนสีเพราะเราเชื่อในประชาธิปไตย”
เจ้าของร้านรายนี้ เผยว่าเคยเปลี่ยนแนวทางทางการเมืองจากกลุ่มเดิมมาสนับสนุนพรรคสีส้มอย่างเต็มที่ เพราะเชื่อมั่นในอุดมการณ์ประชาธิปไตย แต่เมื่อเกิดการย้ายพรรคไปสังกัดพรรคใหม่ที่มีจุดยืนทางการเมืองตรงข้าม กลับรู้สึกเหมือนโดน “หักหลังซ้ำสอง”
“เขามากินข้าวที่ร้านเราคุยกันดีเหมือนเป็นรุ่นลูก แต่สุดท้ายเขากลับเอาคะแนนเสียงของเราไปมอบให้พรรคที่ไม่มีอุดมการณ์ประชาธิปไตยเลยอย่าง ‘ธรรมนัส’ นี่มันเจ็บสุดๆ”
พร้อมขอฝากคำถามไปถึง สส.กฤษฎิ์ว่า จุดยืนของส ส.คืออะไรว่า “คุณมีอุดมการณ์อะไร?”และคิดว่าการย้ายพรรคครั้งนี้ของสส.งูเห่าไม่ได้เกิดจากอุดมการณ์ตรงกัน แต่เป็นเพราะหวังตำแหน่ง ที่ผ่านมาไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอันและ“วางตัวไม่เหมาะสม” ขณะอยู่ในพื้นที่การเมืองควรเป็นเรื่องของอุดมการณ์ไม่ใช่ผลประโยชน์ ถ้าเปลี่ยนสีเมื่อไรเราก็จะเปลี่ยนสีตัวเองอีกเหมือนกัน
เจ้าของร้านคนเดิมยังแสดงจุดยืนมั่นคงว่า ยังพร้อมยืนเคียงข้างพรรคประชาชน หากยังยึดมั่นในประชาธิปไตยแม้จะเปลี่ยนชื่อกี่ครั้ง แต่ขอให้“คงสีส้มไว้” ก็พร้อมจะสนับสนุนต่อไป
ขณะที่ลูกค้ามานั่งกินราดหน้าในร้านเปิดใจว่า จริงแล้วๆไม่เคยมากินที่ร้านนี้มาก่อน แต่เลือกมาวันนี้เพราะต้องการสนับสนุนจุดยืนของเจ้าของร้าน มากินเพราะเห็นข่าวรู้สึกว่าอยากซัพพอร์ต อยากสนับสนุนร้านค้าที่กล้าแสดงออกและชัดเจนทางการเมือง ตนเองเป็นหนึ่งในคนที่ร่วมเฝ้าดูแลคะแนนเสียงในช่วงการเลือกตั้ง และรู้สึกผิดหวังอย่างมากเมื่อ สส.ที่ได้รับคะแนนเสียงจากประชาชน เลือกจะเปลี่ยนจุดยืนทางการเมืองไป
การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาตนเองเป็นคนเฝ้าคะแนนทุกใบที่เขตเลือกตั้ง มันไม่ใช่แค่การกาเบอร์หนึ่งเบอร์สอง แต่มันคือการทุ่มเทความเชื่อมั่นความหวังที่มีต่อพรรคและเลือกเพราะพรรค ไม่ใช่เพราะตัวบุคคล เพราะไม่รู้จักเขาเลยแต่ที่เลือกเพราะเลือพรรค
การที่นักการเมืองลงสมัครในนามพรรคใดพรรคหนึ่งนั้น หมายถึงการแบกรับอุดมการณ์ของพรรคไม่ใช่เพียงตัวบุคคล ชึ่งแนวทางพรรคมันชัดเจนอยู่แล้ว ถ้าคุณสมัครในนามพรรคคุณต้องเป็นตัวแทนของพรรค ไม่ใช่ตัวแทนของคุณเอง หรือความคิดส่วนตัวของคุณ และขอฝากข้อความไปยังนักการเมืองที่เปลี่ยนจุดยืนว่า "ถ้าคุณอยากทำอะไรที่ต่างไปจากอุดมการณ์พรรคมากขนาดนั้น ไปตั้งพรรคใหม่เถอะมันแฟร์กว่า"
Advertisement