(14 พ.ค. 2568) จากกรณีที่ก่อนหน้านี้ประธานวุฒิสภายื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กับ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม สิ้นสุดลงหรือไม่ เนื่องจากทั้งคู่ได้ลงมติรับคดีการตรวจสอบการเลือกสมาชิกวุฒิสภา หรือ คดีฮั้วสว. เป็นคดีพิเศษ ซึ่งประธานวุฒิสภาได้ระบุในคำร้องว่า พฤติกรรมดังกล่าวเป็นการกลั่นแกล้ง กดดัน ข่มขู่ และครอบงำสมาชิกวุฒิสภา อันขัดต่อกฎหมายและเห็นได้ว่า รัฐมนตรีทั้งสองไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตและฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง พร้อมทั้งยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ของรัฐมนตรีทั้งสองเป็นการชั่วคราวจนกว่าจะมีคำวินิจฉัย
ล่าสุดวันนี้ ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม หยุดปฏิบัติหน้าที่ เฉพาะในฐานะผู้กำกับดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษและรองประธานกรรมการคดีพิเศษ จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยในคดีดังกล่าว เนื่องจากปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่ามีกรณีตามที่ถูกร้อง แต่อย่างไรก็ตาม ศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้มีคำสั่งให้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หยุดปฏิบัติหน้าที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแต่อย่างใด เพราะยังไม่ปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่ามีกรณีตามที่ถูกร้อง
ล่าสุด เวลา 16.15 น. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งดังกล่าว เราต้องเคารพในคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ และขอไม่พูดในรายละเอียด โดยส่วนตัวมองว่าคำสั่งดังกล่าวส่งผลในทางบวก เพราะทำให้ทุกฝ่ายสบายใจในเรื่องกระบวนการสอบสวนคดีฮั้ว สว. รวมทั้งมองว่ายิ่งเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งทางด้านนิติธรรมและความโปร่งใส
พ.ต.อ.ทวี ยังเน้นย้ำว่า โดยปกติแล้วรัฐมนตรีไม่สามารถที่จะแทรกแซงกระบวนการสอบสวนคดีได้อยู่แล้ว คดีจะเดินหน้าหรือถอยหลังไม่ได้ขึ้นอยู่กับรัฐมนตรี เพราะกระบวนการเป็นไปตามกฎหมายและพนักงานสอบสวนก็มีความเป็นอิสระ รวมถึง กกต. ทั้งนี้ส่วนตัวก็ไม่เคยคุยกับ กกต. และไม่เคยเข้ามาแทรกแซงอะไรในกระบวนการสอบสวนคดีนี้ ซึ่งหลังจากนี้ตนก็เตรียมทำเอกสารชี้แจงข้อเท็จจริงไปยังศาลรัฐธรรมนูญตามขั้นตอนต่อไป
อย่างไรก็ตาม ตนเองยังไม่เห็นในรายละเอียดและประเด็นที่มีการร้องเรียนตน และส่วนตัวมองว่าศาลไม่ได้สั่งอะไรให้เกิดความเสียหายกับตน เชื่อว่าตนเองสามารถชี้แจงศาลได้อยู่แล้วและคงจะไม่ทำหนังสือยื่นอุทธรณ์แต่อย่างใด เพราะในทางปฏิบัติรัฐมนตรีไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวในทางคดีได้อยู่แล้ว
สำหรับประเด็นที่สังคมตั้งข้อสงสัยว่า คำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญจะทำให้กระบวนการสอบสวนคดีฮั้ว สว. ต้องหยุดชะงักลงหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ไม่กระทบกระเทือนในกระบวนการสอบสวน ยังสามารถทำคดีได้ตามกฎหมาย ขออย่านำประเด็นดังกล่าวไปเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ศาล
ส่วนหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่ง ก็ได้มีสมาชิกวุฒิสภาออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐมนตรีและกระบวนการของกรมสอบสวนคดีพิเศษในเชิงลบว่า "กเฬวราก" พ.ต.อ.ทวี ระบุว่า ตนเองยังไม่ได้ยินการแสดงความคิดเห็นดังกล่าว แต่มองว่าขณะนี้สังคมตื่นรู้แล้ว ใครมีสิทธิ์ที่จะพูดอะไรก็ได้
พ.ต.อ.ทวี ยังเปิดเผยอีกว่า หลังจากนี้จะมีผู้เข้ามารักษาการในฐานะผู้กำกับดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษ คาดว่าน่าจะเป็นนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แต่เบื้องต้น ตนเองยังไม่ได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีหรือบุคคลใด ในคณะรัฐมนตรีและส่วนตัวไม่รู้สึกกังวลว่าจะมีผลต่อการปรับคณะรัฐมนตรีที่อาจจะมีในเร็ววันนี้
เมื่อสอบถามอีกว่า จากกรณีดังกล่าวถือเป็นความพ่ายแพ้ทางการเมืองที่ฝ่ายสีน้ำเงินชนะสีแดงในคดีฮั้ว สว. หรือไม่นั้น พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า การทำงานของกระทรวงยุติธรรม ทำภายใต้กรอบกฎหมายและไม่คำนึงถึงเรื่องของการเมือง และไม่ควรนำการเมืองมาใช้ในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งหลักนิติธรรม เป็นหลักที่กฎหมายต้องปกป้องคุ้มครองทุกคนรวมถึงความเสมอภาคทางกฎหมาย เราจะใช้กฎหมายไปในสิ่งที่มิชอบคงไม่ได้
ส่วนจะกังวลหรือไม่ว่าท้ายที่สุดอาจจะนำมาซึ่ง การพ้นตำแหน่งรัฐมนตรี พ.ต.อ.ทวี ยืนยันว่าไม่กังวล เพราะส่วนตัวไม่ได้ทำอะไรที่เป็นการแทรกแซงในองค์กรต่างๆ และย้ำว่าสามารถชี้แจงได้
Advertisement