(9 พ.ค. 2568) น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ รองโฆษกพรรคประชาชน แสดงความเห็นกรณีแพทยสภาแถลงเมื่อวานนี้ (8 พ.ค. 2568) ถึงผลการสอบสวนจริยธรรมทางวิชาชีพเวชกรรมของแพทย์โรงพยาบาลราชทัณฑ์และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ กรณีการพักรักษาตัวของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ โดยมีมติลงโทษแพทย์ 3 คนในกรณีให้ข้อมูลหรือเอกสารทางการแพทย์อันไม่ตรงกับความเป็นจริง จากนี้ตาม พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2525 แพทยสภามีหน้าที่เสนอมติต่อสภานายกพิเศษ ที่มี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน เพื่อขอความเห็นชอบก่อนจะดำเนินการตามมติต่อไป
โดย น.ส.ภคมน กล่าวว่า ต้องขอย้อนความจำแบบคำต่อคำเผื่อนายกรัฐมนตรีจำไม่ได้ นายกรัฐมนตรี เคยกล่าวไว้ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 25 มีนาคม 2568 หลังฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจกรณีการรักษาตัวของบิดาท่านบนชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ นายกฯ บอกว่า "ถ้าจะพูดเรื่องท่านป่วยจริงป่วยหลอก เมื่อแพทย์วินิจฉัยว่าคุณพ่อมีอาการป่วย ต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ อันนั้นก็เป็นสิ่งที่ชัดเจน ถ้าดิฉันจะบอกท่านว่าอ๋อ! คุณพ่ออายุ 70 กว่าป่วย ท่านจะเชื่อดิฉันเหรอคะ ไม่เชื่อ"
"ป่วยจริงๆ 70 กว่า ต้องได้รับการผ่าตัด ช่วงโควิดที่เป็นโควิดหนักมาก น้ำหนักลดไป 10 กว่ากิโล ทำให้เกิดอาการผมร่วง มีสการ์ที่ปอด ท่านเชื่อไหมคะ ไม่เชื่อ ถูกไหมคะ ถ้าจะบอกว่าคนอายุ 70 อัพไปแล้วเนี่ยต้องผ่าตัดและการผ่าตัดไม่ได้ง่ายเหมือนคนอายุ 20 กว่า 30 กว่า 40 กว่า ท่านเชื่อไหมคะ ไม่เชื่อ เพราะฉะนั้นเนี่ย ดิฉันก็ไม่ทราบว่าจะต้องอธิบายแบบไหน แต่ขณะนี้เราก็มีการยื่นเรื่องตรวจสอบต่อแพทยสภาแล้ว เชื่อว่าผลสรุปจะออกมาในอีกไม่นานนี้นะคะ ก็จะหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกท่านจะยอมรับ เพราะถามจากดิฉัน อภิปรายดิฉันไป ดิฉันตอบ ท่านก็ไม่เชื่ออยู่ดี ไม่ทราบว่าต้องทำอย่างไร" และนายกฯ ยังพูดต่อว่า "เมื่อมีกระบวนการตรวจสอบในหน่วยงานต่างๆ ในฐานะนายกรัฐมนตรี ดิฉันไม่เคยใช้อำนาจไปแทรกแซง"
รองโฆษกพรรคประชาชนกล่าวต่อว่า เอาละ วันนี้ผลสอบจริยธรรมแพทย์ออกแล้ว ผลสรุปคือแพทย์ 1 คนโดนตักเตือนเนื่องจากออกใบส่งตัว และแพทย์อีก 2 คนถูกพักใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม เพราะให้ข้อมูลเอกสารทางการแพทย์ที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง เนื่องจากข้อมูลที่ได้รับไม่ได้มีหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ชัดเจนว่ามีภาวะวิกฤตเกิดขึ้น
"แปลง่ายๆ ว่าจากหลักฐาน บิดาท่านนายกรัฐมนตรีไม่ได้ป่วยขั้นวิกฤต เหมือนที่ท่านพยายามสรรหาโรคมาอธิบาย"
น.ส.ภคมน ทิ้งท้ายว่า พวกตนยอมรับผลตามที่ นายกรัฐมนตรี เคยบอกไว้ หวังว่า นายกฯ จะยอมรับผลสอบจริยธรรมของแพทยสภาเหมือนที่พูดเอาไว้เช่นกัน และหวังต่อว่าขั้นตอนหลังจากนี้จะตรงไปตรงมา ไม่มีการแทรกแซงหน่วยงานอย่างที่เคยยืนยันไว้ ไม่มีการออกคำสั่งให้ รมว.สาธารณสุข ไม่เห็นด้วยกับมติดังกล่าว จากนี้สังคมไทยจะจับตาจุดวัดใจว่า รมว.สาธารณสุข จะเอาอย่างไร
Advertisement