”ชัยธวัช“ ชี้คุณสมบัติ รมต. ทางการเมืองเป็นความรับผิดชอบนายกฯ -รบ. องค์กรอิสระเข้ามาแทรกแซง อัดไม่กล้าหาญปฎิเสธคำสั่ง จากคนมีอำนาจเหนือนายกฯ

19 พ.ค. 67

12:34 น.

แชร์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

“ทักษิณ” ซัด นี่หรือพรรคคนรุ่นใหม่ หลังถูกแขวนชื่ออภิปราย

นายกฯ ยันตั้งรมต.ยึดมาตรฐานเข้ม ต้องคัดคนดีๆเหมือนชุดแพทองธาร1

“ประเสริฐ” แนะ ฝ่ายค้าน แก้ญัตติตามปธ.สภาฯ

นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกลกล่าวถึงกรณี 40 สว. ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ ถอดถอน นายเศรษฐา ทวีสิน และนายพิชิต ชื่นบาน ออกจากตำแหน่ง หลังเข้าข่ายขาดคุณสมบัติเป็นรัฐมนตรี ว่า เบื้องต้นที่มีการนำเสนอข่าวว่าศาลรัฐธรรมนูญรับพิจารณาแล้วนั้น เมื่อดูในรายละเอียด เป็นเพียงการรับเอกสารไว้ซึ่งต้องรอดูว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีการรับพิจารณาหรือไม่ ซึ่งเรื่องคุณสมบัติของรัฐมนตรีมองว่าศาลรัฐธรรมนูญอาจจะรับไว้พิจารณาได้ แต่เรื่องจริยธรรม มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันว่าไม่น่าจะอยู่ในอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตามไม่ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีอำนาจวินิจฉัย หรือจะรับวินิจฉัยหรือไม่นั้น ความจริงเรื่องคุณสมบัติรัฐมนตรี ในทางการเมืองถือเป็นความรับผิดชอบของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลโดยตรงซึ่งไม่จำเป็นต้องให้องค์กรอิสระเข้ามาแทรกแซง ซึ่งควรจะเป็นบรรทัดฐานทางการเมืองที่ควรต้องมี

“ การมีรัฐมนตรีที่เคยมีพฤติการณ์ว่า หรือถูกเข้าใจว่า มีพฤติการณ์ติดสินบนผู้พิพากษา ถือว่าเป็นความไม่เหมาะสมอยู่แล้ว ซึ่งตนมองว่าเรื่องนี้ความเป็นจริงไม่ควรต้องถึงมือศาลรัฐธรรมนูญด้วยซ้ำ” นายชัยธวัช กล่าว

ส่วนที่มีการแต่งตั้งรัฐมนตรีที่อาจมีพฤติการณ์ดังกล่าวเข้ามาดำรงตำแหน่ง และอาจมีผลกระทบตามมานั้น นายชัยธวัช กล่าวว่า สะท้อนว่านายกรัฐมนตรี ไม่มีความกล้าหาญทางจริยธรรมเพียงพอ ไม่มีความกล้าหาญทางการเมือง ตนมองว่านายกรัฐมนตรีทราบว่า รัฐมนตรีที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์มีปัญหาในแง่พฤติกรรมที่ผ่านมาอย่างไรและถูกมองว่าไม่เหมาะสมอย่างไร เพียงแต่นายกรัฐมนตรี น่าจะไม่มีความกล้าหาญพอที่จะปฏิเสธคำสั่งให้แต่งตั้งรัฐมนตรีท่านนี้จากผู้มีอำนาจเหนือนายกรัฐมนตรี

เมื่อถามว่า หลังจากนี้หากศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องจะต้องสั่งให้ทั้ง 2 คนหยุดปฏิบัติหน้าที่ระหว่างการพิจารณาหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า สำหรับการยุติการปฏิบัติหน้าที่เป็นเรื่องที่ต้องทำโดยอัตโนมัติ แตกต่างจากกรณีของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ร้องผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในเรื่องการทุจริตต่อศาลฎีกา ซึ่งกรณีของศาลรัฐธรรมนูญสามารถ สามารถใช้ดุลยพินิจออกคำสั่งให้ยุติการปฎิบัติหน้าที่ไปก่อนชั่วคราวจนกว่าจะมีคำวินิจฉัยได้ อย่างเช่นกรณีของนาย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ที่อยู่ระหว่างการเสนอที่ประชุมรัฐสภาในการโหวตเลือกให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคันที่ 30 ของรัฐประเทศไทย ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้มีการสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวดังนั้นสังคมต้องพิจารณาว่ากรณีกรณีดังกล่าวนี้คนที่เป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ควรจะยุติการปฎิบัติหน้าที่หรือไม่ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นดุลยพินิจของศาลและให้สังคมได้พิจารณาว่ามีมาตรฐานหรือไม่

อย่างไรก็ตามพรรคก้าวไกลย้ำ ว่าเราไม่สนับสนุนการขยายอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญเกินขอบเขต สิ่งใดที่ควรอยู่อย่างชัดเจนก็ให้ว่ากันไปตามข้อเท็จจริง แต่สิ่งใดที่ไม่ควรก็ต้องเป็นแบบนั้น ถึงแม้ตนจะเป็นฝ่ายค้านแต่ไม่ใช่จะค้านทุกเรื่องและค้านทุกวิธีการจนไปบ่อนทำลายหลักการสำคัญของระบอบประชาธิปไตย ดังนั้นตนยังไม่มั่นใจว่าศาลจะรับเรื่องนี้ไว้พิจารณาหรือไม่ หรื หากรับพิจารณาจะรับพิจารณาในแง่มุมใด