สุทิน โต้ ก้าวไกล ปมเย้ยเพื่อไทยไม่กล้ายุบ กอ.รมน. เหน็บไม่ได้เป็นรัฐบาลก็พูดได้ บอกต้องประเมินปัจจัยหลายอย่าง มีทั้งที่พูดได้ และที่พูดไม่ได้
นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่พรรคก้าวไกลออกมาระบุถึงเหตุผลที่รัฐบาลเพื่อไทยไม่กล้ายุบกองอำนวยการรักษาความสงบภายในราชอาณาจักรหรือกอ.รมน.เนื่องจากเกรงกลัวทหาร โดยย้อนถามกลับว่า หากก้าวไกลเป็นรัฐบาลจะกล้ายุบหรอ เขาเป็นแล้วเขาจะกล้ายุบไหมล่ะ ก่อนที่จะกล่าวต่อว่า คนยังไม่เป็นก็พูดได้ ซึ่งการจะยุบต้องประเมิน มีปัจจัยหลายเรื่อง บางเรื่องมันพูดได้ บางเรื่องพูดไม่ได้ และบางข้อมูลเปิดเผยไม่ได้ ดังนั้นคนที่ยังไม่ได้เป็นรัฐบาลก็พูดได้ทุกอย่าง แต่พอมาเป็นแล้วต้องมาดูความเป็นไปได้อีกครั้ง
ขณะเดียวกัน นายสุทิน ยังกล่าวถึงการปรับโครงสร้างกำลังพลของกองทัพ ว่าคณะทำงานมีการสรุปข้อมูลมาเป็นระยะ ขณะนี้เป็นขั้นตอนการเสนอแนวทาง ว่าจะปรับอย่างไร จึงยังไม่เห็นกำลังพลลด เพราะยังไม่ได้ดำเนินการ ซึ่งแผนเดิม กองบัญชาการกองทัพไทย ก็มีการปรับตามแผนเดิมที่ทำไว้ปี 2570 กำลังพลจะลดลงมาก และมีการเติมมาตรการจูงใจเกษียณอายุราชการก่อนกำหนด น่าจะเป็นแรงจูงใจที่ทำให้ทหารที่ไม่ใช่สายหลัก เข้าโครงการจำนวนมาก ซึ่งจะทำให้กำลังพลลดลงเยอะ ส่วนตัวเลขจะปรับลดลงเหลือเท่าใดขณะนี้กำลังทำตัวเลขอยู่ แต่ยืนยันว่าจะลดลงมาก ก่อนที่จะย้ำว่าในปี 2570 กำลังพลในชั้นนายพล จะลดลงไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 - 30 จากเดิมที่มีเพียงร้อยละ 10 พร้อมกับยืนยันว่าเงินที่ใช้ในโครงการเกษียณอายุราชการก่อนกำหนด น้อยกว่างบประมาณที่จะใช้หากข้าราชการยังอยู่ครบอายุงาน ซึ่งจะส่งผลให้ทั้งงบประมาณและกำลังพลลดลง ขณะเดียวกันภารกิจจะมีการปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ โดยเฉพาะภัยคุกคามรูปแบบใหม่
นอกจากนี้ นายสุทิน ยังกล่าวถึงข่าวดีผู้สมัครใจเข้ารับราชการทหารกองเกินผ่านระบบออนไลน์ว่าในปีนี้มีจำนวนมากขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อวานเป็นวันรายงานตัวรอบแรก ซึ่งที่ผ่านมาในทุกปีเมื่อถึงวันรายงานตัวมีการเปลี่ยนใจเป็นจำนวนมากแต่ในปีนี้พบว่าไม่มีผู้เปลี่ยนใจ ส่วนตัวเลขขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ เนื่องจากต้องรอในวันพรุ่งนี้ซึ่งจะเป็นวันครบระยะการรายงานตัว
นายสุทิน ยังกล่าวได้ว่าความรู้สึกของประชาชนถือเป็นสัญญาณบวกกับกองทัพ และขอประชาสัมพันธ์ไปยังบุตรหลานเยาวชน เดิมการเป็นทหารเกณฑ์ 2 ปี คิดว่าเป็นการเสียโอกาส ทำให้ชีวิตสะดุด แต่ขณะนี้กองทัพจะทำให้ 2 ปีเป็นการเพิ่มโอกาสให้กับชีวิต ทุกคนที่เข้ามาเป็นทหารเกณฑ์จะได้รับโอกาสใหม่ ๆ ดี ๆ จาก 2 ปี ที่เอาคนมาฝึกทหาร จะเป็น 2 ปี ในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ทั้งด้านการรบ และการศึกษาที่จะมีการทำ MOU กับ กระทรวงการอุดมศึกษาวิจัยและนวัตกรรม ซึ่งจะเป็นการนำร่องในบางมหาวิทยาลัยก่อน และสุดท้ายจะครอบคลุมทั้งหมด เพราะสถาบันการศึกษาเองก็มีคนเรียนน้อย ให้สามารถเรียนผ่านระบบออนไลน์จนจบการศึกษา คู่ขนานไปพร้อมกับการเข้ารับราชการทหากองเกิน ขณะเดียวกัน โรงเรียนนายสิบก็มีการขยายโอกาสเพิ่มโควตาในสัดส่วนของทหารกองเกินมากขึ้น อย่างกองทัพเรือมีการเพิ่มอัตราครึ่งต่อครึ่ง และจะพัฒนารับเต็ม 100%
Advertisement