อีกเรื่องสุดช็อกของไอดอลสาวหนึ่งในสมาชิกวง BNK48 "มายยู กวิสรา สิงห์ปลอด" หรือ "มายยู BNK48" ที่ล่าสุดเธอออกมาไลฟ์สดเล่าเหตุการณ์ขณะกำลังเดินทางกลับโดย BTS มายังหอพัก ก่อนเจอ 'สตอล์กเกอร์' (stalker) เป็นผู้ชาย 2 คนเดินตาม และ 1 ผู้หญิงคอยดูต้นทางขึ้นลงสถานี ซึ่งเจ้าตัวเผยว่า ได้เดินเข้าไปขอให้ รปภ.หญิง ช่วย แต่โดนตอบกลับว่า “ไม่ได้ค่ะ เพราะว่าพี่หมดกะแล้ว”
เรื่องราวถูกเปิดเผยโดยเพจ "วิวาทะ BNK48" ที่ได้ถอดข้อความจากไลฟ์สดในแอปพลิเคชั่นแอปพลิเคชั่นของ BNK48 ในชื่อ iAM48 โดยสาว "มายยู" ได้ออกมาไลฟ์สดผ่านแอปพลิเคชั่นดั่งกล่าวเผยเหตุการณ์วันที่ 9 ธ.ค. ที่ผ่านมาว่า
"ตอนนั้นหนูก็กลัวมาก หนูใจสั่นจะร้องไห้แต่ว่าหนูต้องบอกตัวเองว่าเราต้องมีสติก่อน เพราะว่าถ้าเราสติแตกมันจะช่วยตัวเองไม่ได้เลย แล้วเราก็เดินขึ้นไปที่ชานชาลาคนก็น้อยอยู่ดี เราก็เดินไปหารปภ.ผู้หญิง ก็บอกเขาว่า “หนูรู้สึกกำลังโดนตามมีผู้ชาย 2 คน ใส่เสื้อยืดสีกรมคนหนึ่ง สีดำคนหนึ่งกับกางเกงยีนส์ขายาว แล้วเขาไม่มีกระเป๋าอะไรเลย แล้วหนูรู้สึกว่าเขาไม่ได้มากันแค่สองคน เขามากันเป็นกลุ่ม” เราก็บอกรปภ.ไป "พี่ช่วยหนูหน่อยได้ไหม ช่วยยืนเป็นเพื่อนหนูหน่อยจนกว่าขบวนรถไฟจะมาได้ไหม" เขาก็พูดกับหนูว่า “ไม่ได้ค่ะ เพราะว่าพี่หมดกะแล้ว”
"หนูก็ช็อกเลย หนูก็บอก “งั้นพี่ช่วยบอก รปภ.ที่จะมาเปลี่ยนกะใหม่ ให้มาช่วยยืนเป็นเพื่อนหนูหน่อยได้ไหมคะ หนูรู้สึกกำลังโดนตามอยู่ หนูรู้สึกไม่ปลอดภัยค่ะ” เขาก็บอกว่า “ถ้าจะบอกคนข้างล่างหนูก็ต้องเดินไปบอกคนข้างล่างเอง”
"หนูก็...ช็อกมาก ตอนนั้นหนูผิดหวังมากแล้วก็เสียใจมาก ทุกคน ประเทศไทยอ่ะ หนูเสียใจมากตอนนั้นแล้วหนูก็กลัวมาก ไม่มีใครช่วยหนูได้เลยเว้ย"
แล้วหนูโชคดีมาก มีน้องผู้หญิงคนหนึ่งเขาได้ยินเราคุยกับรปภ.น้องก็บอกว่า “พี่ไม่เป็นไรนะคะ พี่ใจเย็นๆ เดี๋ยวหนูจะอยู่เป็นเพื่อนพี่เอง พี่จะไปลงสถานีไหนเดี๋ยวหนูจะไปนั่งลงเป็นเพื่อน” แล้วก็ถามว่าคนที่ตามมารูปร่างหน้าตาหรือว่าชุดยังไงหนูจะได้ช่วยมองให้ พี่จะได้ไม่ต้องหันไปมองเขา ขอบคุณมากๆ ที่ได้ยินแล้วใส่ใจ
คือน้องเป็นเด็กนักเรียนที่ไปเรียนพิเศษที่พญาไท ตอนแรกเรารอว่าจะขึ้นขบวนถัดไป แต่ว่าผู้ชาย 2 คนนั้นก็คือ รอพร้อมเราเหมือนกัน แล้วตอนแรกอยู่โบกี้เดียวกัน น้องก็ถามว่า “พี่จะย้ายไปนั่งโบกี้ข้างๆ ไหม ถ้าพี่ไม่อยากให้เขาเห็นพี่”
ด้วยความที่สถานี airport link มันมีน้อยแค่ 45 สถานี แล้วทางที่เราไปมันเหลืออีกแค่ 3 สถานีแล้ว ก็เลยบอกน้องว่า “เขามากัน 3 คน พี่ก็กลัวว่าถ้าเขาไปรอทุกสถานีพี่จะทำยังไง” น้องก็เลยบอกว่า “พี่ไปลงสถานีไหนหนูไปลงด้วย” ก็เลยบอกไปว่า “พี่กลัวมาก และพี่ไม่อยากลงสถานีที่ไปเพราะว่ามีพี่ผู้หญิงแก๊งเขาที่มาดูว่าเราลงสถานีไหน” น้องก็เลยบอกว่า “งั้นเอางี้ไหม พี่ไปลงสถานีเดียวกับหนู แล้วเดี๋ยวพี่ค่อยเรียกแกร็บแท็กซี่กลับเลยดีกว่า มันปลอดภัยกว่าที่จะไปเสี่ยงในสถานีถัดๆ ไป”
สุดท้ายก็ลงสถานีมักกะสัน แล้วก็แจ้งรปภ.สถานีมักกะสันว่า เราโดนคนที่แต่งตัวแบบนี้ ๆ นะ ตามมาตั้งแต่สถานีพญาไท รปภ.ที่สถานีมักกะสันเขาก็บอกจะคอยดูสถานการณ์ให้ เราลงมาข้างล่างก่อนแล้วน้องผู้หญิงเขาบอกว่า “พี่ลงไปก่อนเลย แล้วพี่ไปยืนกับรปภ. เดี๋ยวหนูขึ้นไปดูให้ว่าเขาลงสถานีนี้ตามเรารึเปล่า”
คือเราขอบคุณน้องคนนั้นมากๆ มันทำให้เราเห็นน้ำใจของคน ขอบคุณมากจริงๆ ที่พร้อมช่วยเหลือแล้วน้องผู้หญิงเขาก็ขึ้นไปดูให้แล้วก็ลงมาบอกว่าเขาไม่ได้ตามมาแล้ว แต่ถ้าพี่ไม่สบายใจเดี๋ยวหนูไปรอเป็นเพื่อน เราก็เดินจาก airport link มักกะสันลงมาที่ MRT เพื่อเรียกแกร็บ แล้วแกร็บยังไม่มาน้องบอกว่าไงรู้ป๊ะ “ไม่เป็นไรพี่ เดี๋ยวหนูยืนรอเป็นเพื่อนจนกว่ารถพี่จะมา จะเอาให้พี่สบายใจที่สุดพี่ไม่ต้องห่วงหนู”
ตอนนั้นเรารู้สึกอิ่มใจและอุ่นใจมากที่คนช่วยเรา ถ้าไม่มีน้องคนนั้นเราตั้งใจจะไปบอกคนในโบกี้ให้ช่วยอยู่เป็นเพื่อนหนูหน่อย วันนั้นมายยูโทรคุยกับแม่ตลอดตอนนั่งแท็กซี่แล้วลุงที่ขับก็ได้ยินที่เราเล่าทั้งหมด จนพอถึงหอเขาก็บอกเราว่า เรื่องรปภ. มันไม่ได้จริงๆ เสียใจมากที่ได้ยินแบบนี้ แล้วลูกสาวเขาก็เคยโดนตามมันต้องมีสติมากจริงๆ ต้องขอบคุณที่เรามีสติมากๆ สุดท้ายมันก็ทำให้มายยูรู้ว่าน้ำใจคนไทยมันก็ยังมี
จากการโดนตามครั้งนั้น มันค่อนข้างจะทำให้เราหลอน ถึงแม้ว่าพี่คนที่เดินชนเราจะไม่ได้มีเจตนาไม่ได้หรืออะไรก็ตาม เราไม่มีทางรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ ถ้าเกิดใครไม่เคยโดนเรื่องการถูก 'สตอล์กเกอร์' (stalker) เดินตามไม่เข้าใจเลยจริงๆ ตอนเรานั่งคุยกับพี่ ar เค้าก็เคยโดนสตอล์กเกอร์เหมือนกัน เขาเลยเข้าใจเรา เราก็เลยบอกตัวเองว่าหลังจากนี้เราต้องระวังตัวให้มากกว่านี้ เวลาเดินออกไปที่ไหนก็ตามที่มันมืดและเปลี่ยว ก็ต้องไม่เล่นโทรศัพท์ล่ะ ฝากถึงทุกคนด้วยนะคะ ยิ่งเป็นผู้หญิงที่ต้องเดินทางตอนกลางคืนหรือว่ากลับ MRT, airport link, BTS อย่าเล่นโทรศัพท์เลย และพยายามเปิด awareness เพื่อดูคนรอบข้างให้เยอะๆ เราไม่มีทางรู้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเรา"
Advertisement