จากกรณีนายไพศาล เรืองฤทธิ์ ทนายความ และนายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือ หมอปลา นำผู้เสียหายมายังกระทรวงสาธารณสุข เพื่อร้องเรียนให้ตรวจสอบศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดที่วัดแห่งหนึ่งใน อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี หลังพบว่าไม่เป็นไปตามกฎระเบียบของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด และช่วยทั้งหมดออกจากศูนย์นั้น
วันที่ 21 ก.ย. 64 ตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงช่วงเย็น น.ส.น้ำฟ้า แฟนของหมอปลา ได้ช่วยติดต่อญาติพี่น้องให้กับบรรดาผู้บำบัด โดยใช้วิธีต่อแถว และจดรายชื่อ เพื่อช่วยโทรศัพท์ให้ ระหว่างที่พูดคุยกันได้มีผู้บำบัดรายหนึ่งที่แฟนของหมอปลาได้พูดคุยกับผู้บำบัดทั้งน้ำตา เพราะเป็นคนที่อยู่ที่ศูนย์บำบัดนานที่สุด มีอาการพูดคุยไม่ค่อยรู้เรื่อง ทราบชื่อนายเบิร์ด อายุ 27 ปี อยู่มานานกว่า 7 ปี
นายเบิร์ดพูดคุยกับพี่น้ำฟ้าและทีมข่าวว่า "ความสุขของผม คือการกินอยู่กับแม่ครับ เพราะผมรักแม่มาก และผมจะอยากกลับบ้าน อยากไปที่ที่มีเพื่อน ขณะที่อยู่ในศูนย์โดนตีบ้าง แต่เจ็บแล้วต้องทน และอยู่ที่นี่มาตั้งแต่อายุ 20 ปี คงจะอยู่จนกว่าจะได้พัก โดยการพักคือกลับบ้านครั้งหนึ่ง" และตั้งแต่อยู่ที่นี่เคยคิดว่าจะได้พัก แต่ยังไม่ได้พัก
ซึ่งทราบว่าผู้บำบัดรายนี้ถูกทำร้ายจนสมองเบลอ พูดจาไม่รู้เรื่อง โดยล่าสุดแฟนหมอปลาติดต่อญาติพี่น้องแต่ไม่มารับ ให้เหตุผลว่าไม่มีที่อยู่ให้
นอกจากนี้ ญาติพี่น้องของผู้บำบัดได้ทยอยเข้ามารับตัวผู้บำบัดออกไปตลอด ญาติพี่น้องหลายคนที่เข้ามารับเมื่อเห็นสภาพก็ถึงกับทนไม่ได้ และร้องไห้ เพราะผู้บำบัดบางรายมีแผลที่เท้าจนเดินไม่ได้ บริเวณแผ่นหลังมีรอยแผล บางคนเพิ่งจะเป็นอีสุกอีใส
พี่สาวของนายชา อายุ 40 ปี ผู้บำบัดจาก จ.สุพรรณบุรี เปิดเผยว่า นายชามีอาการหลอนหนักและสติเริ่มไม่ดี ตนเลยจะหาที่บำบัดที่ดีกว่านี้ ซึ่ง อปพร. ติดต่อสถานที่ให้ จากนั้น อปพร. ในพื้นที่เข้ามารับแล้ว ทั้งนี้ ญาติของตนเพิ่งจะมาได้เพียง 1 เดือน และก่อนที่จะมาตนได้โอนเงินสำหรับค่าบำบัดไปทั้งหมดกว่า 10,000 บาท ก่อนที่จะมาญาติของตนพูดคุยดี คุยรู้เรื่อง แต่พอมาเห็นตอนนี้ แทบจะทำใจไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าเป็นการบำบัดหรืออะไร ทั้งนี้ ทางครอบครัวทราบเรื่องจากอมรินทร์ เพราะถ้าไม่ได้ดูก็ไม่รู้ว่าการบำบัดจะโหดขนาดนี้ และเห็นสภาพแล้วแทบจะไม่ใช่คน
อีกทั้งจากที่ดูในข่าว การบำบัดไม่ได้มาตรฐาน และมีการปล่อยให้อยู่แบบอดอยาก ถ้าเป็นไปได้ ตนอยากปิดศูนย์บำบัดไป ส่วนคนที่จะพาลูกหลานมาบำบัด ถ้าไม่จำเป็นอย่าพามา เพราะที่นี่ไม่ได้บำบัดดี เหมือนพามาทรมานมากกว่า
นอกจากนี้ มีญาติพี่น้องที่เดินทางมาจาก จ.เพชรบูรณ์ เมื่อเห็นญาติของตัวเองก็เข้ามาโอบกอด นางนากับนายกอง พ่อแม่ของนายอึ่ง ผู้บำบัดจาก จ.เพชรบูรณ์ เปิดเผยว่า ตนรู้จักศูนย์บำบัดดังกล่าวมาจากญาติพี่น้องที่อยู่สี่มุมเมือง ขณะที่ตนพาลูกมาส่งที่วัด ตนไม่มีโอกาสได้เห็นที่อยู่อาศัย และเห็นแค่ศาลาวัด หลังจากที่พามาบำบัดตนไม่สามารถติดต่อลูกได้ ทุกครั้งที่โทรมาหาพระสงฆ์ที่ชื่อเหน่ง จะพยายามบ่ายเบี่ยง บอกว่าไม่สะดวก อยู่นอกวัด หรือบางครั้งก็บอกว่าแจกอาหารอยู่ อีกทั้งถ้าตนจะประกันลูกออกไปจะต้องเสียเงิน 10,000 บาท ถึงจะได้กลับบ้าน ด้วยเหตุนี้ตนจึงต้องอดทน เพื่อที่จะได้ให้ลูกรักษาตัวจนกว่าจะหายดี กระทั่งมาดูข่าวและทราบความจริง
เมื่อตนได้เห็นสภาพลูก ตนรู้สึกโกรธมาก "อย่าให้ตนได้เจอพระองค์นั้น เพราะลูกชายน้ำหนัก 80 กก. และไม่เคยมีหุ่นผอมแบบนี้ อีกทั้งตั้งแต่ตนเลี้ยงมา ตนไม่เคยเห็นลูกชายร้องไห้แบบนี้"
จากการสอบถาม นายอึ่ง อายุ 32 ปี ผู้บำบัดจาก จ.เพชรบูรณ์ เปิดเผยว่า ตนรู้สึกดีใจมาก และจากนี้จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด และจะกลับไปรักษาตัว ตอนนี้ตนอยากกินขนมมากที่สุด และขนมที่แม่ส่งมาไม่ค่อยได้กิน เพราะแบ่งเพื่อน
