เปิดนาทีเสี่ยโรงกลึงไล่ฆ่าสาว โดดขึ้นกระโปรงรถรัวหมดแม็กหวิดดับยกคัน โชคดีกระสุนด้าน (คลิป)

จากกรณีเมื่อวานนี้ (15 ต.ค. 61) นายพิชัย สุขศิริ ก่อเหตุยิงนายสมพิศ พุ่มสงวน ได้บาดเจ็บสาหัส บริเวณถนนพุทธมณฑล สาย 4 จ.นครปฐม โดย น.ส.กาญจนา พุ่มสงวน และคนงานอีก 2 คน พยายามพานายสมพิศ พี่ชายของน.ส.กาญจนา ส่งโรงพยาบาล แต่ระหว่างนั้น ถูกนายพิชัยขับรถตาม ขณะที่ลูกชายของนายพิชัย พยายามไปห้ามเหตุการณ์ แต่นายพิชัยขับปาดหน้ารถ ปีนขึ้นบนกระโปรงรถของ น.ส.กาญจนา และยิงซ้ำ 2 นัด กระสุนฝังเข้าที่กลางหลังของ น.ส.กาญจนา ได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยนายสมพิศเสียชีวิตในเวลาต่อมา

วันที่ 16 ต.ค.61 นายเจ (นามสมมติ) ผู้เห็นเหตุการณ์ เปิดเผยว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 ต.ค.61 เวลาประมาณ 19.00 น. ตนได้ยินเสียงคนโวยวายเสียงดัง แต่ไม่ได้รู้สึกแปลกใจ กระทั่งมีเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด เมื่อตนหันไปดูก็เห็นชายรายหนึ่งล้มลง นายสมพิศ พุ่มสงวน จุดเกิดเหตุมีคนอยู่ประมาณ 3-4 คน

ขณะนั้นมีคนวิ่งมาบอกตนว่า มีคนยิงกัน ให้ไปช่วย ตนจึงไปอุ้มร่างของนายสมพิศ ตรงหน้ารถกระบะ นิสสัน สีขาว มาไว้ข้างรถยนต์ฮอนด้า ซิตี้ สีแดง ตอนนั้น น.ส.กาญจนา พุ่มสงวน น้องสาวของนายสมพิศ เมื่อเห็นร่างของนายสมพิศที่ถูกยิง ก็ร้องไห้ พร้อมได้เปิดเสื้อของนายสมพิศดู พบว่าถูกยิงใต้ราวนมด้านขวา 1 นัด ขณะนั้นเลือดไม่ได้ไหลออกมา ตนจึงอุ้มขึ้นรถ เพื่อให้ น.ส.กาญจนา นำคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล หลังจากนั้นนายพิชัย สุขศิริ ผู้ก่อเหตุ ก็ถือปืนออกมา แล้วขับรถยนต์ตามออกไป หลังจากนั้นไม่นาน เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ลงพื้นที่มาจุดเกิดเหตุ

นายเจ กล่าวว่า ตนไม่เคยเห็น น.ส.กาญจนา มาที่โรงกลึง และเท่าที่ทราบ โรงกลึงแห่งนี้ นายพิชัยจะอยู่คนเดียว ซึ่งนาน ๆ ครั้ง ที่จะมีญาติมาหา ส่วนนิสัยของนายพิชัย เท่าที่ตนทราบ ปกติเป็นคนเงียบ ๆ ไม่ค่อยพูดจากับใคร โดยเวลาที่เจอ ตนก็มักจะยิ้มให้ แต่ไม่ได้มีการพูดคุยกัน

ด้าน คนงาน 2 คน ที่อยู่ในเหตุการณ์ โดยหนึ่งในนี้ ได้ให้ทีมข่าวดูรูที่เสื้อ ซึ่งเกิดจากรอยกระสุนทะลุเข้าไป พร้อมทั้งมีคราบเลือด หลังจากที่ได้เข้าไปช่วยเหลือ น.ส.กาญจนา โดยเปิดเผยว่า วันดังกล่าว น.ส.กาญจนา และนายสมพิศ พร้อมกับคนงาน 3 คน เดินทางมาจาก จ.กาญจนบุรี เพื่อไปทำงาน โดยต้องพักที่โรงกลึงจุดเกิดเหตุ เมื่อไปถึงก็เห็นนายพิชัย ผู้ก่อเหตุ นั่งดื่มสุราอยู่ที่บ้าน ขณะนั้น น.ส.กาญจนาส่งพวกตนที่โรงกลึง ซึ่งเป็นที่พักพวกตนแล้ว ก็เดินเข้าไปขอยืมเงินนายพิชัย จำนวน 1,000 บาท แต่นายพิชัยบอกว่าไม่มีเงิน น.ส.กาญจนา จึงบอกต่อว่า ขอเงิน 400-500 บาทก็ได้ เพราะจะนำไปเติมน้ำมัน ซึ่งตนได้ยินแค่นั้น แต่เมื่อตนหันไปก็เห็นว่านายพิชัย ชักอาวุธปืนยิงนายสมพิศ พี่ชายของน.ส.กาญจนา 1 นัด โดยตนคาดว่านายพิชัย คงเกิดความหวาดระแวงว่า นายสมพิศจะไปคว้าปืนจึงก่อเหตุยิงก่อน

ต่อมา พวกตนจึงลากร่างของนายสมพิศนำขึ้นรถ เพื่อนำส่งโรงพยาบาล โดยมี น.ส.กาญจนา เป็นผู้ขับรถ ส่วนด้านหลังเป็นนายสมพิศ นอนราบบนตักของคนงาน 2 คน ขณะนั้นนายพิชัยขับรถตามมา เมื่อมาถึงแยกพุทธมณฑล สาย 4 นายพิชัยขับรถมาอยู่ฝั่งคนขับ แล้วชนไป 1 ครั้ง ก่อนจะชนด้านท้ายรถอีก 1 ครั้ง ทำให้รถของนายพิชัย เสียหลักไปอยู่ฝั่งด้านข้างคนขับของน.ส.กาญจนา นายพิชัยจึงขับเบียดรถของ น.ส.กาญจนา ให้ติดกับฟุตปาธ ทำให้ประตูรถทั้ง 2 คัน อยู่ติดกัน เมื่อนายพิชัยก็ไม่สามารถเปิดประตูได้ จึงลดกระจกลงแล้วชักปืนยิง 1 นัด จากในรถ แต่กระสุนไม่ถูกตัวใคร มีเพียงเสื้อของคนงานเท่านั้น ขณะนั้นนายพิชัยปีนออกจากตัวรถ จากทางหน้าต่าง โดยขาด้านหนึ่งของนายพิชัย อยู่ที่ขอบประตูรถตัวเอง แล้วขาอีกข้างก็เหยียบฝากระโปรงหน้ารถของ น.ส.กาญจนา พร้อมกับพูดว่า “พวกมึงตายกันทุกคน กูจะเอาให้ตายให้หมด” ก่อนจะยิงมาที่ด้านหน้ารถ 2 นัด ทำให้กระสุนไปโดนหลังของน.ส.กาญจนา ที่ก้มหลบอยู่ และโดนเฉียดที่เบาะ

จากนั้นนายพิชัยก็จะยิงอีก แต่ปืนยิงไม่ออก พวกตนจึงอาศัยจังหวะดังกล่าวเสี่ยงถีบประตูออก เพื่อบอกให้ประชาชนในละแวกนั้นช่วยเหลือ ขณะนั้นลูกชายของนายพิชัย ขี่จักรยานยนต์มาถึงที่เกิดเหตุ พร้อมกับเข้าไปช่วยจับพ่อตัวเอง โดยพูดเตือนสติพ่อตัวเองว่า “ป๋าอย่ายิง” ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะมาถึงที่เกิดเหตุ อย่างไรก็ตาม คนงาน 2 คน ยืนยันว่า วันดังกล่าว น.ส.กาญจนา ไม่ได้พูดถึงเรื่องเงิน 250,000 บาท แต่พูดเรื่องงานเท่านั้น และพวกตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องยาเสพติดแต่อย่างใด พร้อมทั้งต้องการถามนายพิชัยว่า เหตุใดจึงก่อเหตุเช่นนี้ และอยากให้พูดความจริงกับสิ่งที่เกิดขึ้น