ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ ออกคำแนะนำ ฉีดวัคซีนเด็ก อายุ 12 ปีขึ้นไป

16 ก.ย. 64

ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ แนะแนวทาง ฉีดวัคซีนเด็ก อายุ 12 ปีขึ้นไป ใช้ไฟเซอร์ อายุ 16-18 ปีควรฉีดทุกคน ขณะที่ 12 -15 ปี ควรฉีดเฉพาะกลุ่มเสี่ยง

จากกรณีเตรียมฉีด วัคซีนโควิด ในเด็กอายุ 12-17 ปีเริ่มเดือน ต.ค.นี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 7 ก.ย.65 ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ได้ออกประกาศฉบับล่าสุด เกี่ยวกับคำแนะนำการฉีดวัคซีนโควิด-19 สําหรับเด็กและวัยรุ่นอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป (ฉบับที่ 2) ระบุ 

การระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทยในปัจจุบันพบว่าแม้จะมีการติดเชื้อในเด็กอายุน้อยกว่า 18 ปี ในสัดส่วนที่สูงขึ้น แต่ผู้ป่วยเด็กที่ติดเชื้อโรคโควิด-19 ส่วนใหญ่มักมีอาการไม่รุนแรงและมีอัตราการเสียชีวิตน้อยมาก และเด็กติดเชื้อโควิด-19 ที่เสียชีวิตคือผู้มีโรคประจำตัวเรื้อรังที่เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทําให้โรคโควิด-19 ที่รุนแรงและถึงแก่ ชีวิตได้ ร่วมกับข้อมูลเรื่องประสิทธิภาพและความปลอดภัยของวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 สําหรับเด็กและวัยรุ่นมีมากขึ้น

ดังนั้น ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย จึงเห็นสมควรมีคำแนะนําในการฉีดวัคซีนโควิด-19 สําหรับเด็กและ วัยรุ่นอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป เพิ่มเติมจากคำแนะนําฉบับที่ 1 ลงวันที่ 16 กรกฎาคม 2564 ดังต่อไปนี้

  • แนะนําให้เด็กและวัยรุ่นฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ชนิดที่ได้รับการรับรอง ขึ้นทะเบียนกับองค์การอาหารและยาแห่งประเทศไทยให้ใช้ในเด็กและวัยรุ่น โดยให้ตรงตามอายุที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้ และวัคซีนได้ผ่านการพิจารณาด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพจากคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกัน ซึ่งในขณะนี้ (ณ วันที่ 7 กันยายน 2564) มีวัคซีนโควิด-19 เพียงชนิดเดียวคือ วัคซีนชนิด mRNA ของ Pfizer-BioNTech (ไฟเซอร์) ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้ใช้ในเด็กและวัยรุ่นอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป
  • แนะนําให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในเด็กและวัยรุ่นอายุตั้งแต่ 16 ปีจนถึงน้อยกว่า 18 ปี ทุกรายหากไม่มีข้อห้ามในการฉีด ทั้งเด็กที่ปรกติแข็งแรงดีและที่มีโรคประจำตัวเรื้อรังที่เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทําให้เกิดโรค โควิด-19 ที่รุนแรงอาจถึงแก่เสียชีวิต เพราะเป็นกลุ่มอายุที่กําลังเติบโตเป็นผู้ใหญ่ มีการดำเนินชีวิต ใกล้เคียงกับผู้ใหญ่และมีข้อมูลเรื่องประสิทธิภาพและความปลอดภัยของวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในเด็กและวัยรุ่นมากเพียงพอ
  • สําหรับเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปจนถึงน้อยกว่า 16 ปี แนะนําให้ฉีดวัคซีน ในกรณีเป็นผู้ป่วยเด็กกลุ่มเสี่ยงที่มีโรค เรื้อรัง ซึ่งจะทําให้เกิดโควิด-19 ที่รุนแรงดังต่อไปนี้
  1. บุคคลที่มีโรคอ้วน (ดัชนีมวลกายมากกว่า 35 กิโลกรัมต่อตารางเมตร หรือมีน้ำหนัก 70 กิโลกรัมขึ้นไปในเด็กอายุ 12-13 ปี น้ำหนัก 80 กิโลกรัมขึ้นไปในเด็กอายุ 13-15 ปี น้ำหนัก 90 กิโลกรัมขึ้น ไปในเด็กอายุ 15-18 ปี หรือเด็กอ้วนที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากภาวะทางเดินหายใจอุดกั้น)
  2. โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง รวมทั้งโรคหอบหืดที่มีอาการปานกลางหรือรุนแรงฃ
  3. โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง
  4. โรคไตวายเรื้อรัง
  5. โรคมะเร็งและภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ
  6. โรคเบาหวาน
  7. กลุ่มโรคพันธุกรรมรวมทั้งกลุ่มอาการดาวน์ เด็กที่มีภาวะบกพร่องทางระบบประสาทอย่างรุนแรง เด็กที่มีพัฒนาการช้า

000_9lb2br(1)

นอกจากนี้ แนะนําให้งดออกกําลังกายอย่างหนักหรือการทํากิจกรรมอย่างหนักเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ภายหลังจากการฉีดวัคซีน ป้องกันโรคโควิด-19 เนื่องจากมีรายงานการเกิดผลข้างเคียงกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ และเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบภายหลังการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ชนิด mRNA ซึ่งพบในอัตราที่ต่ำมาก จึงแนะนําให้เด็กและวัยรุ่นทุกราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กและวัยรุ่นชายที่ได้รับวัคซีนป้องกันโรค โควิด-19 ทั้งโดสที่ 1 และ 2 ควรงดการออกกำลังกายหรือการทํากิจกรรมอย่างหนักเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ ภายหลังจากการฉีดวัคซีน และในเวลาดังกล่าวนี้หากมีอาการเจ็บแน่นหน้าอก หายใจเหนื่อยหรือ หายใจไม่อิ่ม ใจสั่นหน้ามืดเป็นลมควรรีบไปพบแพทย์ โดยหากแพทย์สงสัยภาวะกล้ามเนื้อหัวใจหรือ เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบควรพิจารณาทําการตรวจค้นเพิ่มเติม

สําหรับเด็กอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไปจนถึงน้อยกว่า 16 ปี ที่สุขภาพแข็งแรงดี และในเด็กอายุน้อยกว่า 12 ปี รวมทั้งการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ชนิดอื่นๆ ในเด็ก ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการติดตามผลการศึกษาถึงประสิทธิภาพ และความปลอดภัย ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย จะมีคำแนะนําเพิ่มเติมในการฉีดวัคซีนป้องกันโรค โควิด-19 ในอนาคตต่อไป 

ในการให้คำแนะนําด้านการฉีดวัคซีนแก่เด็กและวัยรุ่น ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย จะมุ่งให้ เกิดประโยชน์แก่ตัวของเด็กและวัยรุ่น โดยชั่งน้ำหนักระหว่างผลเสียที่อาจเกิดขึ้น และประโยชน์ที่เด็กจะได้รับจาก วัคซีน ทั้งนี้จะให้น้ำหนักแก่ของความปลอดภัยแก่เด็กเป็นสิ่งสำคัญ และจะต้องมีประโยชน์คุ้มค่ากับความเสี่ยง 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง 

เตรียมสำรวจความยินยอม นักเรียน 12-17 ปีฉีด ไฟเซอร์ ลุ้น เปิดเทอม 2 ได้ไปโรงเรียน
ศธ.พร้อมฉีด ไฟเซอร์ นักเรียน 12-18 ปี ทุกโรงเรียน เริ่ม ต.ค.นี้ เร่งให้ทันเปิดเทอม 2
ศบค. เคาะฉีด ไฟเซอร์ 2 เข็มให้เด็กอายุ 12-17 ปี ช่วงเดือน ต.ค.นี้

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ