จากกรณีเมื่อวันที่ 14 ก.ย.64 เวลาประมาณ 17.00 น. ฝ่ายสืบสวน สน.ยานนาวา และ กก.สส.บก.น.6 ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายพสธร จิระวัฒนโภคิน หรือ นายธนกฤต เวโรจนนันท์ หรือ มิน อายุ 30 ปี ตามหมายจับของศาลอาญากรุงเทพใต้
ความผิดฐาน "ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ซึ่งเป็นบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิ์ใช้เพื่อประโยชน์ในการชำระค่าสินค้า ค่าบริการหรือหนี้อื่นแทนการชำระด้วยเงินสดหรือใช้เบิกเงินสด, ข่มขืนกระทำชำเรา, ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน" ที่บริเวณริมฟุตพาทถนนเจริญกรุง แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพฯ
วันที่ 15 ก.ย. 64 ที่ สน.คันนายาว หลังจากที่กองกับการสืบสวนนครบาล 6 และชุดสืบสวน สน.ยานนาวา เข้าจับกุมตัว นายพสธร จิระวัฒนโภคิน หรือ นายธนกฤต เวโรจนนันท์ อายุ 30 ปี ได้มีการสอบปากคำผู้ต้องหา เบื้องต้นให้การปฏิเสธทุกกรณี ยอมรับว่ามีการนัดแนะไปทานอาหารกันจริง วันที่ 10 ก.ย.64 โดยผู้ต้องหาขับรถหรูไปรับฝ่ายหญิงที่คอนโดมิเนียม จากนั้นพาไปร้านอาหารย่านฝั่งธน
จากนั้นผู้ต้องหาและผู้เสียหายได้มีการดื่มไวน์ด้วยกัน ฝ่ายหญิงดื่มไปประมาณ 2-3 แก้ว ต่อมาเวลา 20.30 น. ผู้ต้องหาพาผู้เสียหายมาโรงแรมหรูใจกลางเมืองในเขตพื้นที่ยานนาวา บอกว่าผู้เสียหายไม่มีสติ ถามเลขห้องก็ตอบไม่รู้เรื่อง บอกว่าให้ไปเปิดห้องพักแถวนั้น ตนจึงพาไปโรงแรมที่เคยไปพัก ซึ่งให้นั่งรอโซฟาลอบบี้ของโรงเรม จากนั้นหยิบบัตรเครดิตของผู้เสียหายเอาไปจ่ายค่าโรงแรม 18,000 บาท เอาสลิปมาให้เซ็น อ้างว่าผู้เสียหายเป็นคนหยิบให้เอง จากนั้นก็ให้พนักงานโรงแรมพาผู้เสียหายขึ้นรถเข็นมาส่งที่ห้อง ยืนยันว่า ตอนพาเข้าห้องเช็ดตัวให้ผู้เสียหาย เขาก็รู้สึกตัว ก่อนจะมีอะไรกันก็ยังถามกับตนว่าจะรังเกียจไหม ถ้าหากตนเคยมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายอื่นมาก่อน
ทั้งนี้ เรื่องการโอนเงิน ตนยอมรับว่ามีปัญหาเรื่องเงิน ซึ่งเล่าปัญหาให้กับฝ่ายหญิงฟัง สุดท้ายผู้เสียหายเป็นคนโอนเงินให้ตนเอง ตนจะโอนได้อย่างไร ในเมื่อไม่ทราบรหัส ซึ่งในเช้าวันรุ่งขึ้น ก็ยังไปส่งผู้เสียหายที่คอนโดฯ
ภาพกล้องวงจรปิด บันทึกภาพนายพสธร ผู้ต้องหา พยุงตัวนางสาวดาว (นามสมมติ) ผู้เสียหาย เข้าโรงแรม จากนั้นพาผู้เสียหายไปนั่งที่โซฟา ผู้ต้องหาหยิบกระเป๋าเงินของผู้เสียหายซุกแอบอยู่บริเวณหมอนอิงที่โซฟา เพื่อจะหยิบบัตรเครดิตของผู้เสียหาย แต่ในขณะนั้นมีพนักงานของโรงแรมเดินผ่าน ผู้ต้องหาทำท่าบิดขี้เกียจ จากนั้นถือบัตรเครดิตของผู้เสียหายไปยังลอบบี้ของโรงแรมเพื่อเปิดห้อง หลังจากนั้นก็หยิบสลิปการจ่ายเงินมาให้ผู้เสียหายเซ็นที่โซฟา
โดยผู้เสียหาย ให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่ารู้จักกับนายธนกฤต เวโรจนนันท์ หรือ นายพสธร จิรวัฒนโภคิน ผู้ต้องหา ผ่านแอปพลิเคชันหาคู่ที่นิยมในปัจจุบัน ผู้ต้องหาอ้างว่าทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ มีฐานะทางการเงินดี เนื่องจากมีโพรไฟล์ดูน่าเชื่อถือ รวมถึงการลงภาพกิจกรรมดื่มไวน์ รับประทานอาหาร และพักอาศัยโรงแรมหรูเป็นประจำในอินสตาแกรม ตนจึงได้หลงเชื่อ จากนั้นวันที่ 10 ก.ย. 64 ได้มีการนัดเจอกันโดยผู้ต้องหา ได้ขับรถยนต์ซูเปอร์คาร์มารับผู้เสียหายเพื่อไปรับประทานอาหาร และได้นำไวน์ไปดื่มกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านฝั่งธน ซึ่งต่อมามีอาการมึนเมา จดจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากไปรับประทานอาหารไม่ได้
จนกระทั่งวันที่ 11 ก.ย. 64 ผู้เสียหายพบว่าตนเองตื่นมาอยู่ภายในห้องพักของโรงแรมหรูชื่อดังแห่งหนึ่งในพื้นที่ สน.ยานนาวา ด้วยกันกับผู้ต้องหา และพบว่าเสื้อผ้าชุดชั้นในของตนถูกถอดออกอยู่ข้างเตียง จึงสอบถามว่าเรามีอะไรกันหรือไม่ แต่ผู้ก่อเหตุปฏิเสธ หลังจากเกิดเหตุได้รีบเดินทางกลับมายังที่พัก และตรวจสอบร่างกายตนเองโดยละเอียด พบว่าถูกกระทำชำเรา ตรวจพบเงินในบัญชีธนาคารถูกโอนออกไปเป็นจำนวนเงิน 500,000 บาท ด้วยการโอน 250,000 บาท 2 ครั้ง เวลา 01.56 น. และ รอบที่ 2 เวลา 01.58 น. ส่วนบัตรเครดิตถูกนำไปใช้ชำระค่าที่พักเป็นจำนวนเงินประมาณ 18,000 บาท และนาฬิกาข้อมือจำนวน 1 เรือนสูญหายไป สอบถามไปยังผู้ต้องหาเกี่ยวกับเงินที่หายไป ผู้ต้องหาบ่ายเบี่ยงและไม่รับว่าเป็นผู้โอนหรือผู้รับโอนเงินจำนวนดังกล่าวแต่อย่างใด
สำหรับหลักฐานแชตข้อความผ่านแอปพลิเคชันไลน์ เป็นข้อความระหว่างผู้เสียหาย ได้มีการพูดคุยกับผู้ต้องหา โดยนายพสธรชักชวนให้ดื่มไวน์ เพราะเป็นคนชอบดื่มไวน์ หลังเกิดเหตุ ผู้เสียหายทักข้อความไปสอบถามเรื่องการโอนเงิน ซึ่งผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ ด่ากลับผู้เสียหายด้วยว่าปัญญาอ่อน และไม่ยอมรับว่าเป็นคนโอนเงินหลังจากใช้วิธีการจับนิ้วเพื่อสแกนเปิดโทรศัพท์ได้
นายชาติ (นามสมมติ) เพื่อนบ้านผู้ต้องหา บอกว่า แม่ของผู้ต้องหาอดีตเคยเป็นครูสอนหนังสือ ส่วนพ่อของเขาทราบว่าทำธุรกิจเกี่ยวกับการก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ อาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้พร้อมกันได้ประมาณ 3 ปี ถามว่าครอบครัวนี้ฐานนะร่ำรวยหรือไม่นั้น ตนอยากให้คิดเอาดูว่าเขาสามารถซื้อบ้านเดี่ยว 3 หลังติดกันได้ และยังมีบ้านอีกหลายที่ที่ปล่อยให้เช่า ส่วนตัวไม่เคยเห็นผู้ต้องหามาที่บ้านหลังนี้ เนื่องจากไม่ค่อยได้สนใจ และก็ไม่ค่อยได้สุงสิงกันกับครอบครัวดังกล่าว ค่อนข้างไม่คบหาสมาคมกับใคร ในละแวกนั้นก็คือญาติเขากันหมด
ส่วนตัวรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากการติดตามข่าวก็ไม่คาดคิดว่าจะเป็นลูกชายบ้านนี้ไปหลอกเอาเงินแล้วข่มขืนผู้หญิง เนื่องจากสถานเขาก็ดูมีเงิน จึงไม่คิดว่าเขาจะกล้าก่อเหตุ
ขณะเดียวกันทีมข่าวทดลองโหลดแอปพลิเคชันหาคู่ ที่นิยมในปัจจุบันและโหลดฟรี มีการค้นหาผู้คนในระยะใกล้ตัว ซึ่งแชตจะสามารถพูดคุยได้แค่ 7 วัน หากอยากสานต่อก็จะมีการติดต่อกันเองนอกแอปพลิเคชันดังกล่าว โดยพบว่าแต่ละคนค่อนข้างมีโพรไฟล์ที่ดี ส่วนใหญ่ใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร