จากกรณีเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน บก.น.7 และ สน.ตลิ่งชัน กระจายกำลังสืบหาเบาะแสตามจับนายศาสฑฎา บัวทอง หรือ ท็อป อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับข้อหาชิงทรัพย์ โดยใช้อาวุธ ข่มขืนกระทำชำเรา และกักขังหน่วงเหนี่ยวนั้น
วันที่ 15 ต.ค. 61 ที่บ้านจุดเกิดเหตุภายในซอยมหาดไทย 2 พบว่าเป็นบ้านปูน 2 ชั้น สีฟ้า ลักษณะทรุดโทรม คล้ายกับไม่มีคนอาศัยมาเป็นระยะเวลานาน รั้วกำแพงยกสูง ราว 2 เมตร ส่วนประตูรั้วเหล็ก ได้นำแผ่นเหล็กมาปิดทับอีกชั้น เผื่อป้องกันคนภายนอกมองเข้าไป ส่วนประตูหน้าต่างชั้นสองทำเหล็กดัดครอบไว้ ชั้นล่างเป็นประตูทางเข้าแบบกระจก ซึ่งพบว่าบ้านยังคงปิดเงียบ และไม่มีคนอาศัยอยู่ เนื่องจากนายท็อปอาศัยอยู่ที่บ้านเพียงลำพัง หลังจากที่เจ้าตัวหลบหนีการจับกุมจึงไม่ได้กลับเข้ามาที่บ้านหลังดังกล่าวอีก
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อผู้เสียหายและนายท็อป ได้นัดหมายกันผ่านเฟซบุ๊ก กระทั่งตกลงกันว่าจะไปที่ผับแห่งหนึ่ง ย่านตลิ่งชัน โดยนายท็อปจะขี่รถจักรยานยนต์มารับส่ง หลังกลับจากผับ นายท็อปพาผู้เสียหายกลับมาที่บ้านของตัวเอง และกักขังไว้ จากนั้นก็ทำร้ายและข่มขืนภายในห้องพัก หลังจากข่มขืนแล้ว นายท็อปยึดกระเป๋า โทรศัพท์มือถือ และบังคับให้ผู้เสียหายกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มจำนวน 500 บาท ก่อนจะปล่อยผู้เสียหายไว้ที่กลางทาง
โดย
เพื่อนบ้าน ให้ข้อมูลว่า ก่อนหน้านี้นายท็อปอาศัยอยู่กับครอบครัว มีลูก ภรรยา และแม่ แต่หลังจากที่นายท็อปต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำเพราะคดียาเสพติด คนในบ้านต่างก็แยกย้ายไปอยู่ที่อื่น โดยภรรยาได้ขอหย่าร้างพร้อมกับพาลูกไปด้วย ส่วนแม่ได้เดินทางกลับไปอยู่ที่บ้านเกิดที่ จ.เพชรบุรี และหลังจากที่นายท็อปออกจากเรือนจำกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ จนกระทั่งได้ข่าวว่าไปก่อเหตุข่มขืนผู้หญิง
เพื่อนบ้านให้ข้อมูลด้วยว่า เดิมทีนายท็อปเป็นคนนิสัยดี แต่หลังจากไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ทั้งเสพและขาย เข้าออกเรือนจำเป็นว่าเล่น ประมาณ 3 ครั้ง ทุกครั้งที่นายท็อปเข้าไปอยู่ในเรือนจำ และออกมาแล้ว มักพูดว่า “อยู่ในนั้นสบายดี ไม่อยากออกมา อยากอยู่นาน ๆ” ส่วนเรื่องพฤติกรรมเกี่ยวกับผู้หญิงนั้น ยอมรับว่านายท็อปมีอารมณ์คล้ายกับคนโรคจิต ชอบทรมาน และมีรสนิยมซาดิสม์
ด้าน
นายยง (นามสมมติ) ชาวบ้านในพื้นที่ เล่าเหตุการณ์ว่า ช่วงก่อนหน้านี้ประมาณ 1-2 สัปดาห์ ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องตะโกนออกมาบริเวณชั้น 2 ของบ้านว่า “ช่วยด้วย เขาขังหนู” พร้อมทั้งขอความช่วยเหลือ ขณะนั้นตนไม่สามารถปีนข้ามรั้วหรือเข้าไปช่วยได้ จึงโต้ตอบกลับไปว่าจะให้ช่วยอย่างไร ผู้หญิงคนดังกล่าวจึงขอยืมโทรศัพท์มือถือ แต่ตัวเองก็ไม่สามารถส่งโทรศัพท์ไปให้ได้
กระทั่งมีเพื่อนบ้านในละแวกนี้ มาบอกกับตัวเองว่า "อย่าไปยุ่งกับบ้านนั้น ปล่อยให้เป็นเรื่องของเขา เป็นเรื่องของสามีภรรยาทั่วไป" ตนจึงไม่ยุ่งเกี่ยวกับบ้านหลังดังกล่าว เพราะกลัวเรื่องความปลอดภัย
นายยง กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้มีเพื่อนบ้านหลายคนเล่าให้ฟังว่า นายท็อปมาพาผู้หญิงเข้าออกบ้านเป็นว่าเล่น ส่วนใหญ่จะเป็นคนสวยหน้าตาดี ตอนเข้ามาก็จะนั่งรถเข้าไปปกติ แต่เมื่อกลับออกไปผู้หญิงมักจะโวยวายเรียกร้องขอความช่วยเหลือ คนแถวนี้ก็มักชินกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว