แฉ! พฤติกรรมพ่อข่มขืนลูก 5 ปี ให้เมียเปิดคลิปโป๊ก่อนย่ำยีลูก ญาติ ช็อก ไม่ประกัน (คลิป)

12 ต.ค. 61
จากกรณีตำรวจ สภ.กุดบาก เดินทางไปตรวจสอบบ้านของเด็กสาว อายุ 17 ปี ซึ่งถูกพ่อข่มขืนมานาน 5 ปี และทนพฤติกรรมผู้เป็นพ่อของตนเองไม่ไหว ต้องหนีไปอยู่บ้านอาที่ อ.เมือง จ.สกลนคร จนพลเมืองดียื่นมือเข้าช่วยเหลือนำไปตรวจร่างกาย และนำหลักฐานไปแจ้งความที่ สภ.กุดบาก นั้น (อ่าน : สุดนรก! พ่อข่มขืนลูกวัย17 นาน 5 ปี ชาวบ้านแฉแม่ซื้อยาคุมให้ สุดทน ต้องหนี) ล่าสุดญาติของผู้เสียหาย เปิดใจผ่านรายการต่างคนต่างคิดวันที่ 11 ต.ค. 61 และเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว (อ่าน : สาว17 สุดช้ำ! พ่อขืนใจ 5 ปี ญาติแฉกลางรายการ แม่แท้ ๆ ประกาศลั่น “กูเกลียดลูก” – พ่อโฉดขู่ออกคุก ฆ่าแน่)
อาของ น.ส.เอ (นามสมมติ) ผู้เสียหาย อายุ 17 ปี
วันที่ 11 ต.ค. 61 อาของ น.ส.เอ (นามสมมติ) ผู้เสียหาย อายุ 17 ปี เปิดเผยว่า นายวีระ พี่ชายของตน ได้ข่มขืนกระทำชำเราลูกสาวตัวเอง ก่อนที่ น.ส.เอ ได้หนีออกจากบ้านมาขอความช่วยเหลือจากตน และนายวีระก็มาตามหาถึงที่บ้านของตน ซึ่งในวันดังกล่าว นายวีระได้บังคับให้ลูกสาวกลับบ้าน ขณะที่เผชิญหน้ากัน น.ส.เอ ได้ถามพ่อว่า “พ่อเคยคิดไหม ว่าหนูเป็นลูก” ก่อนที่นายวีระจะทำร้ายร่างกาย น.ส.เอ โดยการตบจนถึงขั้นเลือดออกปาก ตนพยายามห้ามก็ไม่ฟัง กระทั่งตัดสินใจโทรแจ้งความ และมีชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงมาช่วยพาตัวน้องออกไป อาของ น.ส.เอ เล่าต่อว่า ถึงนิสัยของนายวีระเป็นคนที่อารมณ์ร้อน ชอบลงมือทำร้ายภรรยาและลูก ส่วนใหญ่จะใช้มือตบ และทำร้ายร่างกายลูก ส่วนภรรยานั้น นายวีระเคยมีอารมณ์โมโหรุนแรงจนถึงขั้นใช้ไม้กวาดฟาดจนหัก ทั้งนี้ น.ส.เอ เล่าให้ตนฟังว่า เวลาที่พ่อขอมีเพศสัมพันธ์ แม่จะรู้เห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง รวมถึงน้องสาววัย 15 ปี ก็รับรู้ด้วยว่าผู้เป็นพ่อข่มขืนกระทำชำเรา น.ส.เอ นอกจากนี้ ขณะอยู่ที่บ้านที่เกิดเหตุ นายวีระมักจะให้ภรรยาเปิดคลิปวิดีโอโป๊ให้ตัวเองดู เพื่อที่จะจำมาใช้กับลูกสาวคนโต โดยจะใช้กำลังทำร้ายทุกครั้งที่ น.ส.เอ ไม่ยอมให้มีสัมพันธ์ด้วย อย่างไรก็ตาม ตนยังคงเป็นกังวลหากว่านายวีระอาจจะหลุดออกมาจากเรือนจำได้ มองว่านายวีระเป็นตัวอันตราย และอาจจะออกมาฆ่าคนในครอบครัว ทั้งตน ภรรยาและลูกของนายวีระเอง ซึ่งตนสังเกตเห็นว่า ตอนที่นายวีระถูกตำรวจจับกุมตัวไปที่โรงพัก ก็ยังคงทำหน้าตานิ่งเฉย เหมือนคนไม่รู้สึกผิด ทั้งนี้ ตนยืนยันว่า อยากให้ตำรวจดำเนินคดีกับนายวีระจนถึงที่สุด เนื่องจากนายวีระมีพฤติกรรมที่รุนแรงกับคนในครอบครัว ทุบตีจนถึงขั้นมีรอยช้ำ
บ้านท้ายนา จุดเกิดเหตุ
ต่อมา ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมาที่บ้านท้ายนา ที่เกิดเหตุ พบว่าไม่มีใครอยู่ในบ้าน ใกล้กันพบบ้านอีก 2 หลัง ปลูกติดกับหลังที่เกิดเหตุ จึงเข้าไปสอบถามชายคนหนึ่ง โดยเจ้าตัวยอมรับว่า เป็นน้องชายของผู้ต้องหา
น้องชายของนายวีระ ผู้ต้องหา
น้องชายของนายวีระ ผู้ต้องหา เล่าว่า ตนทำงานอยู่ที่โรงงานกระดาษใน จ.นครปฐม หลังจากนั้นแม่ก็โทรศัพท์มาบอกว่าพี่ชายถูกจับ ตนจึงลางานกลับมาบ้าน เพื่อมาช่วยแม่ดำเนินเรื่องของพี่ชาย แต่เมื่อทราบว่าพี่ชายก่อเหตุเช่นนี้ ก็พูดไม่ออก และที่ผ่านมาตนก็แทบไม่เคยคุยกับพี่ชาย เพราะพี่ชายและครอบครัวค่อนข้างจะเก็บตัว ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร และเป็นคนเงียบ ๆ คุยกันจริง ๆ วันละคำ สองคำเท่านั้น ตนยืนยันว่าพี่ชายอาการเป็นปกติ และไม่เคยมีอาการทางจิต แค่เป็นคนเงียบเก็บตัว และอยากฝากถึงพี่ชายหลังถูกคุมขังว่า "ขอให้อยู่ในนั้นแหละ อดทนเอาเดี๋ยวก็ได้ออก"
นายประสิทธิ์ชัย งอยภูธร พ่อเลี้ยงของผู้ต้องหา
ขณะนั้น นายประสิทธิ์ชัย งอยภูธร อายุ 65 ปี พ่อเลี้ยงของผู้ต้องหา เดินทางกลับมาที่บ้าน พร้อมเล่าว่า แม่ของผู้ต้องหามีลูกอยู่แล้ว 8 คน ผู้ต้องหาเป็นคนที่ 2 และกลับใช้ชีวิตอยู่ในบ้านปลายนา กว่า 10 ปี ซึ่งเดิมที่มีบ้านปลูกติดกันอีก 2 หลัง แต่ไม่ค่อยมีคนอยู่ แต่จะมีบ้างนาน ๆ ครั้ง ที่ผู้ต้องหา และครอบครัวจะกลับมาอาศัยนอนบ้าง แต่อยู่ไม่นานแล้วก็ไป โดยครั้งล่าสุด มาอยู่เกือบเดือน โดยมาประกอบอาชีพหากินตามปกติ ซึ่งตนก็ไม่เห็นรอยฟกช้ำ ได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย หรือเด็กร้องไห้ขอความช่วยเหลือ ทุกอย่างปกติมาก และตนไม่รู้จะฝากอะไรถึงลูกเลี้ยง เพราะถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่เหลือเชื่อมาก ไม่คิดด้วยซ้ำว่าพ่อแท้ ๆ จะทำกับลูกตัวเองได้ลงคอ นอกจากนี้ ในอดีต ภรรยาของผู้ต้องหาเคยพาลูก ๆ หนีไปมีครอบครัวใหม่ แต่ผู้ต้องหาไม่ยอม จึงพาพ่อแม่ของภรรยาตามไปที่ จ.กาฬสินธุ์ จากนั้นก็กลับมาใช้ชีวิตปกติแบบครอบครัว เหมือนไม่เคยเกิดอะไรขึ้น ขณะเดียวกันตนก็คิดว่าที่ภรรยาหนีไปอาจจะทนพฤติกรรมของผู้ต้องหาไม่ไหว และมักมีปากเสียงกันเรื่องไก่ชนบ่อยครั้ง ทั้งนี้ อยากฝากถึงหลานว่า ตาคิดถึงหลาน และเป็นห่วงมาก ถึงไม่ใช่หลานที่แท้จริง แต่ก็รัก และเอ็นดู เพราะหลาน ๆ มักจะมากินข้าวที่บ้านเป็นประจำ ส่วนเรื่องการเรียน ก็จะบอกเสมอว่าขอให้เรียนให้จบ เพื่อตัวเราเอง
นางสาย กองอาสา แม่ของผู้ต้องหา
นางสาย กองอาสา อายุ 60 ปี แม่ของผู้ต้องหา กล่าวว่า แรกเริ่มที่รู้ว่าลูกถูกจับในข้อหาบุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ ในพื้นที่สถานีตำรวจภูธรเมืองสกลนคร ตนก็ตั้งใจว่าจะไปประกันตัวลูกชาย แต่จู่ ๆ มาถูกดำเนินคดีในข้อหาข่มขืนกระทำชำเรา กระทำอนาจาร แก่ผู้สืบสันดาน พื้นที่สถานีตำรวจภูธรกุดบาก ตนก็ไม่อยากไปประกันตัวแล้ว ชีวิตใครชีวิตมัน ไม่อยากไปเกี่ยวข้อง เพราะวัน ๆ ทำแต่งาน และไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องแบบนี้ และตนก็ไม่รู้จะฝากอะไรถึงลูกชาย ขอแค่ตอนอยู่ในคุกก็ทำตัวดี ๆ ให้อดทนไว้ แต่ถ้าทำตัวไม่ดี ก็จะอยู่ในนั้นตลอดชีวิต ซึ่งก่อนหน้านี้ ตนก็บอกกับลูกชายว่าจะไปไหน หรือทำอะไร ก็ไม่ต้องเอาลูกไป กระทั่งล่าสุดลูกชายขอเงิน 300 บาท เพราะจะนำไปซื้ออาหารไก่ แล้วก็หายเงียบไป จนเป็นเรื่องขึ้นมา คือไปบุกรุกบ้านน้องสาว จนเป็นเรื่องราวใหญ่โต ส่วนภรรยาผู้ต้องหา ตั้งแต่เกิดเรื่องก็หายไป ไม่สามารถติดต่อได้ คาดว่าน่าจะกลับไปอยู่บ้านอีกอำเภอ ล่าสุดได้ยินว่าภรรยาของผู้ต้องหาพูดว่า "จะมาจับก็ไม่ว่า เพราะไม่กลัวคุกกลัวตารางหรอก"

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ