โพลสะท้อน ประชาชนมอง ระบบราชการ อ่อนแอ ล่าช้า ผู้นำหน่วยงานลอยตัวเหนือปัญหา ชิงอำนาจ

22 ส.ค. 64

ซูเปอร์โพล เผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน ชี้ ระบบราชการอ่อนแอ ล่าช้า ระดับผู้นำของหน่วยงาน ลอยตัวเหนือปัญหา เห็นแก่ตัว แก่งแย่งหวงตำแหน่ง ไม่สามารถแก้วิกฤตชาติได้ หนุน บิ๊กตู่ รื้อระบบ

22 ส.ค. 2564 นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง เปลี่ยนประเทศ รื้อระบบราชการ ครั้งใหญ่ กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศโดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1,105 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 17 - 21 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา พบว่า

ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 97.1 ระบุหัวหน้าส่วนราชการ และ ผู้นำหน่วยในระบบราชการลอยตัวเหนือปัญหาเดือดร้อนของประชาชน เห็นแก่ตัว แก่งแย่งหวงตำแหน่ง เข้าไม่ถึงประชาชนอยู่บนหอคอยงาช้าง ร้อยละ 96.9 ระบุ ระบบราชการมีความอ่อนแอ ล่าช้า ไม่สามารถแก้วิกฤตชาติและของประชาชนได้ทันเวลา ร้อยละ 96.8 ระบุ หลังเกิดวิกฤตโควิด-19 เดือดร้อน เป็นทุกข์ เพราะติดขัดระบบราชการ ระเบียบกฎเกณฑ์ และการทำงานตามเวลาของพวกข้าราชการ นอกจากนี้ ร้อยละ 96.6 ระบุ เกิดการทุจริตคอร์รัปชัน ทั้งจากเงินกู้และเงินช่วยเหลือประชาชน และร้อยละ 95.9 ระบุ ต้องการให้ นายกรัฐมนตรี จริงจังจริงใจ ถือธงนำโยกย้ายข้าราชการที่ไม่มีผลงานช่วยเหลือประชาชนไปอยู่ในที่ที่เหมาะสม

ที่น่าพิจารณาคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 96.2 ต้องการให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง คนดี คนเก่ง คนกล้า ขึ้นเป็นผู้นำส่วนราชการทุกระดับมีเป้าหมายแก้วิกฤตโควิดและลดความเดือดร้อนทุกข์ยากของประชาชนได้ ในขณะที่ ร้อยละ 3.8 ไม่ต้องการ

ที่น่าสนใจ คือ ความต้องการให้เลือกตั้งผู้ว่าราชกากรุงเทพมหานครคนใหม่โดยเร่งด่วนมากถึงมากที่สุด จำแนกตามภูมิภาคผู้มีสิทธิเลือกตั้ง พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 89.5 ของคนกรุงเทพมหานคร และเกินครึ่งหรือร้อยละ 55.5 ของคนต่างจังหวัด ต้องการให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครคนใหม่โดยเร่งด่วนมากถึงมากที่สุด

อย่างไรก็ตาม เมื่อสอบถามความต้องการเร่งด่วนของประชาชน พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 97.5 ต้องการให้ลงโทษผู้ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำในการช่วยเหลือประชาชนอย่างไม่เป็นธรรม ร้อยละ 97.1 ต้องการข้าราชการที่ดีคือ ข้าราชการที่รับใช้ประชาชน รักประชาชน ช่วยเหลือประชาชนให้สุขและปลอดภัย ร้อยละ 96.6 ต้องการให้เร่งแก้ปัญหา ทุจริตคอร์รัปชันในกรุงเทพมหานคร ร้อยละ 96.5 ต้องการให้ปรับแก้กฎเกณฑ์ ระเบียบข้อบังคับ และเวลาทำงานที่ไม่เอื้อต่อการช่วยเหลือประชาชน และร้อยละ 90.9 ต้องการให้เร่งปรับระบบส่งคนต่างจังหวัดติดโควิดในกรุงเทพกลับภูมิลำเนาให้ครบวงจร

ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า ในทุกภาวะวิกฤติของปัญหาชาติ กลไกหลักของรัฐในการแก้ปัญหาคือ “ระบบราชการ” ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่า ประชาชนส่วนใหญ่สะท้อนให้เห็นชัดขึ้นถึงความอ่อนแอของระบบราชการ ที่ยังมีปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน ไม่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมทางสังคม และเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดช่องว่างความเหลื่อมล้ำทางสังคมและความแตกต่างของคนในแต่ละรุ่นอายุซึ่งการก้าวไม่ทันและไม่สามารถตอบสนองความต้องการและความเดือดร้อนทุกข์ยากของประชาชนทั้งประเทศได้จึงเกิดปัญหาการชุมนุมประท้วงขับไล่รัฐบาลและนายกรัฐมนตรีทุกยุคทุกสมัยดังนั้น “การปรับเปลี่ยนหรือปฏิรูประบบราชการครั้งใหญ่” จึงเป็นความหวังของประชาชนที่สำคัญ เนื่องจากเกี่ยวข้องกับการบริหารโครงสร้างทางสังคมทั้งระบบ

ผลโพลยังสะท้อนให้เห็นว่า ประชาชนส่วนใหญ่สนับสนุนนายกรัฐมนตรี เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ โดยต้องแสดงความกล้าและจริงใจให้เห็นถึงการปรับย้ายครั้งใหญ่ ต.ค.64 นี้ พิจารณา คนดี คนเก่ง คนกล้าทำงานบนผลประโยชน์ของส่วนรวม เข้ามาทำหน้าที่ผู้บริหารในทุกระดับ ประชาชนส่วนใหญ่ต้องการให้มีการเลือกตั้งผู้ว่า กทม. ปรับย้ายข้าราชการ กทม.และกระทรวงต่างๆที่เกียร์ว่า เอาประโยชน์ ไม่ตอบสนองการทำงานเพื่อประชาชนในทุกระดับ ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เช่น กทม. มหาดไทย สาธารณสุข พาณิชย์ แรงงาน พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เกษตรและสหกรณ์ ศึกษาธิการ รวมทั้งฝ่ายความมั่นคงทหารและตำรวจ รวมทั้งต้องเร่งปฏิรูป ขับเคลื่อนแก้ไขกฎระเบียบที่ล้าสมัย เป็นเหตุของความล่าช้า ไม่สามารถตอบสนองความทุกข์ยากและความเป็นความตายของประชาชนได้ทันเวลา และที่สำคัญต้องลงโทษข้าราชการที่กระทำผิดอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อมิให้เป็นตัวอย่างของความเหลื่อมล้ำในกระบวนการยุติธรรม

1629630892549

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม