เมื่อวันที่ 19 ส.ค. 64 ที่กองปราบปราม พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป. สั่งการ พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.3 บก.ป., พ.ต.ต.กิตติภพ ทองเพชร สว.กก.3 บก.ป. นำกำลังจับกุม นายชาญณรงค์ สงวนนามสกุล อายุ 41 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดพิจิตร ข้อหาพยายามฆ่า บริเวณหน้าคอนโดหรูแห่งหนึ่งเขตบางซื่อ กรุงเทพฯ
สืบเนื่องจากเมื่อช่วงเช้าวันที่ 10 ส.ค. ที่ผ่านมา นายชาญณรงค์ ได้เข้าไปหา น.ส.จันเพ็ญ ไทยศรีวัฒนะ อายุ 68 ปี ป้าที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กใน ต.งิ้วราย อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร ก่อนก่อเหตุใช้หมอนกดหน้า น.ส.จันเพ็ญ จนแน่นิ่งไป จากนั้นได้ลากร่างมาที่หัวบันไดบ้าน โยนลงมาจากชั้นบนเพื่อจัดฉากให้เป็นอุบัติเหตุ แล้วหลบหนีไป ภายหลังจากที่ผู้เสียหายฟื้นจึงได้ร้องให้คนช่วย จนมีชาวบ้านมานำตัวส่งโรงพยาบาล และเข้าแจ้งความดำเนินคดีนั้น
วันที่ 20 ส.ค. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่มายังจุดเกิดเหตุ บ้านของนางสาวจันทร์เพ็ญ ผู้บาดเจ็บ ภายในพื้นที่ หมู่ 5 ต.งิ้วราย อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ยกสูง พบคราบเลือดของผู้บาดเจ็บที่บริเวณฐานบันได
นางสาวจันทร์เพ็ญ เปิดใจว่า เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 64 เวลาประมาณ 7 โมงกว่า นายชาญณรงค์ หลานชายของตัวเอง อาชีพบุรุษพยาบาล ได้ขึ้นมาหาตัวเองอยู่ชั้นบนของบ้าน ตัวเองนอนพักผ่อนอยู่บนที่นอน นายชาญณรงค์มาบีบนวดแขนและขาให้กับตัวเอง ซึ่งระหว่างที่หลานชายบีบนวดตามร่างกายให้ตัวเองนั้น หลานชายก็ได้สอบถามตัวเองถึงเรื่องที่ตัวเองเคยพูดไว้ว่าจะขายที่ดินจำนวน 20 ไร่ แล้วจะเอาเงินมาแบ่งให้เขา โดยหลานชายถามตัวเองว่า "เมื่อไรจะได้เงิน 500,000" ตัวเองจึงบอกว่า หลานมี 3 คน คนไหนเลี้ยงป้า ป้าก็จะให้คนนั้นมาก คนไหนไม่เลี้ยงก็จะให้น้อย
จากนั้น ตัวเองได้พูดขึ้นมาอีกประโยคหนึ่งว่า "ใครเอาเหรียญพระพุทธชินราช ปี 2514 ของป้าไป ป้าได้จุดธูปแช่งทุกวัน ให้คนที่เอาไปและคนที่รับซื้อฉิบหายทั้งหมด" ซึ่งเหรียญพระพุทธชินราชของตัวเองที่เอาวางไว้บนหิ้งพระในบ้าน หายไปประมาณ 2 เดือน ตัวเองจึงพูดลอย ๆ ให้หลานชายฟัง นายชาญณรงค์พูดว่า "ป้า ถ้าผมทำผิดอะไรไป อภัยให้ผมด้วยนะ" ซึ่งพูดย้ำประมาณ 2-3 รอบ ตัวเองก็ถามหลานชายว่า "แล้วไปทำอะไรให้ป้าโกรธล่ะ ถึงได้พูดอย่างนั้น ป้าไม่เคยโกรธหลาน ป้ารักหลานทุกคน"
จากนั้น นายชาญณรงค์ก็ไปหยิบถุงพลาสติกที่ใส่แผงยาของตัวเอง นำมาปิดหน้าตัวเอง จากนั้นก็นำหมอน 1 ใบ มาปิดหน้าตัวเอง และกดหมอนปิดใบหน้าตัวเองจนหายใจไม่ออก ตัวเองพยายามขัดขืน แต่ก็ขัดขืนไม่ได้ ตอนที่ตัวเองหายใจไม่ออกแทบขาดใจ ได้นึกถึงจี้รูปพระที่ตัวเองแขวนคอเอาไว้คือ พระหลวงพ่อพิธ วัดฆะมัง พระเกจิดังเมืองพิจิตร และหลวงพ่อปลั่ง วัดธงไทยยาราม พร้อมกับอธิษฐานว่า "ถ้าหลานยังไม่ถึงคราว ก็อย่าให้หลานตายเลย" ตัวเองจึงคิดว่าสิ่งที่ตัวเองอธิษฐานนั้นมีส่วนทำให้รอดชีวิตมาได้
จากนั้นตัวเองก็หมดสติ ไม่รู้สึกตัว กระทั่งมารู้สึกตัวอีกที เมื่อเวลาประมาณ 09.00 น. นอนอยู่ใต้ฐานบันไดบ้าน ได้กลิ่นคาวเลือด บวกกับเห็นเลือดออกจากบริเวณคิ้วซ้าย จึงรีบเดินไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้าน ยืนยันว่าหลังจากตัวเองถูกหลานชายเอาหมอนปิดใบหน้าและจมูกจนหายใจไม่ออกก็ได้หมดสติไป ที่ตัวเองมานอนอยู่ใต้ฐานบันไดบ้านนั้น คาดว่าหลานชายอาจเป็นคนก่อเหตุให้ตัวเองตกลงมา เหตุที่เกิดขึ้น คาดว่านายชาญณรงค์น่าจะมีการทำประกันอุบัติเหตุให้ตัวเองไว้หรือไม่ เพื่อหวังค่าประกันอุบัติเหตุ หรืออีกกรณีอาจไม่พอใจที่ตัวเองยังไม่ขายที่ดิน 20 ไร่ เพื่อนำเงินมาให้เขา
ตัวเองได้รับบาดเจ็บเป็นแผลฉีกขาดที่คิ้วซ้าย เย็บ 3 เข็ม รอยถลอกที่แผ่นหลัง และเจ็บปวดตามร่างกาย สำหรับนายชาญณรงค์ เป็นหลานชายแท้ ๆ ของตัวเอง เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เด็กจนเขาโตเป็นวัยรุ่น ตัวเองไม่เคยคิดมาก่อนว่าหลานชายที่ตัวเองเลี้ยงดูมากับมือ จะมาก่อเหตุกับตัวเองแบบนี้ ลังจากเกิดเหตุจนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวหลานชายได้ ก็ไม่มีการติดต่อมาขอโทษตัวเองแต่อย่างใด
เบื้องต้น ตนก็พอจะทราบที่หลานชายปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่ตัวเองขอยืนยันว่าวันเกิดเหตุ หลานชายได้มีการใช้หมอนและถุงพลาสติกปิดและกดใบหน้าจนตัวเองสลบไปจริง หลังจากหลานชายก็เหตุเขายังมีการโทรศัพท์ไปหาหลานสาวตัวเองว่าให้เข้ามาดูที่บ้านด้วย เพราะนายชาญณรงค์เขาคงคิดว่าตนเสียชีวิตแล้ว
ที่ผ่านมาตัวเองก็ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับนายชาญณรงค์มาก่อน ส่วนเรื่องเงินจากการขายที่ดิน 20 ไร่ ไม่เคยบอกว่าจะไม่ให้ชาญณรงค์ แต่อยู่ระหว่างหานายทุนมาซื้อที่ดิน และถ้าขายได้ก็จะแบ่งให้หลานทั้ง 3 คน จะไม่มีการแบ่งให้นายชาญณรงค์ ช่วงระยะ 2 เดือนก่อนเกิดเหตุ นายชาญณรงค์จะแวะเวียนมาบ้านตัวเองเป็นประจำ บอกให้ตัวเองรีบขายที่ดิน ตัวเองก็คาดว่าหลานชายน่าจะเป็นหนี้อยู่หรือไม่ เหตุการณ์ครั้งนี้ ตัวเองไม่ขอให้อภัยนายชาญณรงค์ ขาทำกับตัวเองกะเอาให้ถึงตาย ตัวเองเคยรักเขาเท่าไร ก็แค้นเขาเท่านั้น
ที่หลานชายได้รับการประกันตัว ก็ไม่กังวลถึงการใช้ชีวิตในอนาคต หลังจากนี้ ก็คงอาศัยอยู่บ้านหลังเกิดเหตุคนเดียวเหมือนเดิม ไม่รู้สึกกลัวอันตรายแต่อย่างใด ถ้าเขาจะมาก่อเหตุอีก ก็แนะนำให้เขาเอาปืนมายิงหรือเอามีดมาแทงตัวเองเลย นอกจากนี้ วันที่หลานชายก่อเหตุกับตัวเอง ก็เป็นวันคล้ายวันเกิดตัวเองอีกด้วย
ทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิด จากร้านค้าหน้าปากซอยทางเข้าบ้านของนางสาวจันเพ็ญ ผู้บาดเจ็บ ห่างจากบ้านของจันเพ็ญประมาณ 300 เมตร มีคลิปตอนที่รถยนต์ผู้ก่อเหตุขับเข้าซอยดังกล่าว เพื่อมุ่งหน้าบ้านจันเพ็ญในเวลา 07.39 น. และมีภาพนิ่งตอนรถยนต์คันดังกล่าวขับออกจากซอยเวลาประมาณ 09.13 น.
นายบัวคลาย ฐาต่าย อายุ 60 ปี เพื่อนบ้านที่ช่วยเหลือนางสาวจันเพ็ญ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 10 ส.ค. ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 09.00 น. กว่า ตัวเองเห็นนางสาวจันเพ็ญเดินเซมาขอความช่วยเหลือจากตัวเองที่บ้าน ตอนนั้นก็สังเกตว่าที่คิ้วซ้ายเต็มไปด้วยเลือด ตัวเองจึงสอบถามเขาว่าไปโดนอะไรมา นางสาวจันเพ็ญบอกว่าถูกหลานชายที่มาจากต่างจังหวัดทำร้าย จากนั้นตัวเองก็ผู้บาดเจ็บนำส่งโรงพยาบาล ทั้งนี้ ก่อนจะเกิดเหตุตัวเองก็ไม่ได้ยินเสียงคนทะเลาะกัน จึงไม่สามารถไปช่วยนางสาวจันเพ็ญไว้ได้ทันก่อนหน้านั้น
ล่าสุด นายชาญณรงค์ได้รับการประกันตัว ด้วยหลักทรัพย์วงเงิน 300,000 บาท หลังจากได้รับการประกันตัว ครอบครัวก็ได้รับตัวกลับบ้านในพื้นที่ หมู่ 8 ต.บ่อพลับ อ.เมือง จ.นครปฐม ทีมข่าวได้โทรศัพท์ไปยังเบอร์โทรของแม่ผู้ก่อเหตุ แต่มีน้องสาวของผู้ก่อเหตุรับสาย พูดคุยสั้น ๆ ว่า ไม่สะดวกให้ข้อมูล ส่วนเรื่องของคดีจะขอพูดคุยในชั้นศาลเท่านั้น ยืนยันว่าหลังจากเกิดเหตุ สภาพจิตใจของครอบครัวย่ำแย่มาก
