กรณีกระแสวิจารณ์แพทย์หญิงท่านหนึ่ง จ.นครศรีธรรมราช ขนญาติและคนในครอบครัวมารับวัคซีนไฟเซอร์ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริงเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 13 ส.ค.64 ที่ผ่านมา โดยวัคซีนไฟเซอร์ 1 ขวด จะสามารถฉีดให้กับบุคคลากรได้ 6 คน แต่มีเทคนิค คือ แต่ละขวดหากใช้วิธีการ Low Dead Space Syringe จะสามารถดึงวัคซีนฉีดได้ถึง 7 คน โดยปกติแต่ละขวดจะฉีดเพียง 6 คน หรือ 6 โดสเท่านั้น ส่วนผู้ที่มารับวัคซีนก้นขวดที่เหลือ ซึ่งปกติจะต้องทิ้งเพราะปริมาณไม่ครบโดส กลับเป็นครอบครัวของแพทย์หญิงคนดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ได้สร้างความอึดอัดให้กับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง จึงรายงานให้ ผอ.โรงพยาบาลทราบโดยทันที กระแสแพทย์หญิงคนดังกล่าวถูกกระแสสังคมโจมตีอย่างหนัก จึงได้แสดงความประสงค์ที่จะยื่นใบลาออกจากตำแหน่งแพทย์ปฏิบัติการของโรงพยาบาลดังกล่าว แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ปรากฏเอกสารอย่างเป็นทางการ
ล่าสุดวันที่ 17 ส.ค.64 ที่รพ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช แพทย์หญิงกฤตยาณี พูลเพียร หรือ หมอกุ๊บกิ๊บ แพทย์ประจำรพ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นแพทย์ที่ตกเป็นข่าว เปิดเผยว่า ในวันที่ 12 ส.ค.64 ที่ผ่านมา ทีมแพทย์ พยาบาล และบุคลากรด่านหน้า จะต้องเดินทางไปช่วย รพ.บุษราคัม จ.นนทบุรี ทางรพ.นบพิตำ จึงได้เบิกวัคซีนไฟเซอร์มา 1 ขวด เพื่อฉีดให้กับบุคลากรเป็นโดสที่ 3 จำนวน 6 คน ที่จะเดินทางไปช่วย รพ.บุษราคัม หลังจากฉีดครบแล้ว พบว่ามีวัคซีนเหลือก้นขวดก็ต้องทิ้งโดยเปล่าประโยชน์ ทั้งนี้ในความคิดของตนมองว่า น่าจะนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์กว่าทิ้งถังขยะ
ต่อมาวันที่ 13 ส.ค.64 ทาง รพ.นบพิตำ จะฉีดวัคซีนให้บุคลากรด่านหน้า จำนวน 66 คน โดยเบิกวัคซีนไฟเซอร์มา 11 ขวด กระทั่งช่วงเวลา 13.00 น. ตนจึงได้เดินมาที่จุดฉีดวัคซีน ถามทีมพยาบาลว่ามีวัคซีนเหลือก้นขวดบ้างหรือไม่ จึงทราบว่าบางขวดก็เหลือ บางขวดไม่เหลือ โดยวัคซีนที่เหลือโดสที่ 7 ก้นขวดนั้น ไม่มีใครรับรองว่ามีคุณภาพหรือไม่ ปกติจะไม่ให้ฉีดให้ใคร เพราะอาจจะไม่ได้คุณภาพ
“หมอก็เลยถามพี่สาวบอกว่าเอาไหม เมื่อพี่สามาถึงก็ได้ฉีดตามที่ปรากฏเป็นคลิป กระทั่งมีเจ้าหน้าที่แจ้งเรื่องให้ ผอ.รพ.ทราบ ท่าน ผอ.จึงสั่งระงับการฉีดวัคซีน ดังนั้นแม่ของหมอจึงยังไม่ได้ฉีด” พญ.กฤตยาณี กล่าว
พญ.กฤตยาณี กล่าวอีกว่า เมื่อพี่สาวมาถึงตนจึงให้เข้าไปนั่งในจุดที่ฉีดวัคซีน เพราะตนมีความบริสุทธิ์ใจในการฉีดวัคซีนก้นขวดให้พี่สาว บุคลากรด่านหน้าที่ต้องรับวัคซีนทุกคนก็นั่งอยู่ตรงนั้น ตนไม่มีทางที่จะไปเบียดบังหรือแย่งวัคซีนของใครมาฉีดให้พี่สาวและแม่ ตนยืนยันว่าวัคซีนที่ฉีดให้พี่สาวเป็นวัคซีนที่ทิ้งแล้ว และเขาจะไม่แนะนำให้เอามาฉีดให้กับบุคลากรด่านหน้า เพราะหากมีเหลือก็ทิ้ง ตนก็บอกพยาบาลว่า "หมอเอาไปฉีดให้พี่สาวเอง ฉีดในห้องหมอ ในรถก็ได้ หรือจุดไหนก็ได้" แต่ด้วยความที่ตนบริสุทธิ์ใจ และคิดน้อยไป จึงให้พยาบาลฉีดให้พี่สาว ณ จุด ๆ นั้น จนเป็นเหตุให้คนบางคนที่เห็นเหตุการณ์ อาจจะไม่เข้าใจกลายเป็นข่าวเสียหาย
อย่างไรก็ตาม ตนรู้สึกน้อยใจและเสียใจมาก ๆ ที่เกิดเรื่องดังกล่าว จึงได้ตัดสินใจยื่นใบลาออกและกลับไปบ้าน คิดทบทวนตัวเองว่า สิ่งที่ตนทำถูกหรือไม่ "เราชิงลาออกแบบนี้ เราได้อะไรกับการลาออก ประกอบกับหมอที่ รพ.นบพิตำ มีน้อยมาก ส่วนหนึ่งต้องไปช่วย รพ.บุษราคัม และยังจะต้องเปิด รพ.สนามนบพิตำ ถ้าหมอออกจะมีหมอไม่เพียงพอ เพราะเป็น รพ.ขนาดเล็ก มีหมอไม่กี่คน หากหมอออกไปอีกคนก็จะไม่มีคนที่จะช่วยงานในส่วนเหล่านี้" กระทั่งตัดสินใจกลับมาที่โรงพยาบาลและไปเอาใบลาออกกลับคืนมา
นอกจากนี้ ที่ผ่านมาตนพยายามเรียกร้องต่อสู้ขอวัคซีนให้กับบุคลากรด่านหน้ามาตลอด วันนี้ถ้าใครได้เห็นคลิปนี้ ไม่ว่ารัฐบาลหรือใครที่มีส่วนเกี่ยวข้องรีบนำวัคซีนมาฉีดให้บุคลากรด่านหน้า ตนไม่อยากฉีดเข็ม 3 แล้ว แต่อยากสละเข็มที่ 3 ไปฉีดให้แม่หรือคนที่ตนรักได้หรือไม่ ตนเป็นห่วงแม่ เมื่อกลับมาบ้านก็ต้องนอนกับแม่ และใกล้ชิดกับพี่สาว
