เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 64 ที่ศาลาการเปรียญวัดใน ต.สาวร้องไห้ อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง ชาวบ้านต่างมารวมตัวกันขับไล่ พระครูไพบูรณ์ เจ้าอาวาสวัด หลังนำทรัพย์สินของวัดไปขายและนำเงินวัดไปใช้ส่วนตัว จำนวนกว่า 800,000 บาท โดยเจ้าอาวาสรับปากชาวบ้านว่าจะนำเงินทั้งหมดมาใช้ภายในวันที่ 15 ส.ค. 64 ซึ่งมีการลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.วิเศษชัยชาญ
กระทั่งพระครูปัญญา เจ้าคณะตำบลไผ่วง ได้เดินทางเข้ามาตรวจสอบที่วัด พร้อมแต่งตั้งให้พระชูเกียรติ พระลูกวัดอินทราวาส ทำหน้าที่รักษาการเจ้าอาวาส แล้วพาตัวพระครูไพบูรณ์ ไปจำวัดอยู่ที่วัดอื่น เพื่อรอสอบสวนขยายผลทางพระวินัยสงฆ์ต่อไป
วันที่ 23 ก.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายังวัดอินทราวาส ต.สาวร้องไห้ อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง พระชูเกียรติ รักษาการเจ้าอาวาส บอกเพียงว่า ขณะนี้พระผู้ใหญ่ทราบเรื่องแล้ว จะทำการสอบสวนหาความจริงต่อไป
นายนิมิต จิตตสุโภ อายุ 47 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 ต.สาวร้องไห้ ผู้ดูแลพื้นที่ บอกว่า เหตุการณ์เมื่อวานสืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 15 พ.ค. 64 ทางกรรมการวัดจับได้ว่าเงินของวัดหายไป เนื่องจากทางกรรมการวัดต้องการจะเบิกเงินไปจ่ายผู้รับเหมาก่อสร้าง ที่ว่าจ้างมาต่อเติมวัด แต่เจ้าอาวาสในขณะนั้นไม่มีเงินให้ ทั้งที่เจ้าอาวาสเป็นผู้ถือเงิน แล้วยอมรับว่าเป็นผู้เอาเงินไปจำนวนกว่า 800,000 บาท เพื่อนำไปใช้จ่ายส่วนตัว ซึ่งเงินดังกล่าวเป็นเงินกฐินที่จัดตั้งขึ้นเมื่อปลายปี 2563 มีวัตถุประสงค์เพื่อนำมาใช้เป็นทุนก่อสร้างพื้นเชื่อมระหว่างหอสวดมนต์กับสำนักงานเจ้าอาวาส รวมมาได้ประมาณ 1 ล้านบาท
ทำให้ชาวบ้านเกิดความไม่พอใจ จึงได้ส่งตัวแทนไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.วิเศษชัยชาญ ในวันที่ 8 มิ.ค. 64 เพื่อตกลงกับอดีตเจ้าอาวาสว่าให้คืนเงินทั้งหมดภายในวันที่ 15 ส.ค. 64 จากนั้นชาวบ้านเริ่มลือกันว่านอกจากอดีตเจ้าอาวาสจะนำเงินกฐินไปใช้ ยังได้นำทรัพย์ภายในวัดไปขายด้วย ได้แก่ พระเครื่องและพระพุทธรูป แต่ยังฟันธงไม่ได้ว่าทรัพย์สินดังกล่าวเป็นของวัดหรือของอดีตเจ้าอาวาส เพราะของต่าง ๆ ล้วนเก็บอยู่ในกุฏิของเจ้าอาวาส
ทำให้เมื่อวานนี้ ชาวบ้านได้รวมตัวกันกว่า 20 คน พร้อมเชิญเจ้าคณะตำบลบางไผ่มารับฟังปัญหา แล้วขอให้อดีตเจ้าอาวาสออกจากวัด เพราะชาวบ้านต่างเอือมระอา ก่อนที่อดีตเจ้าอาวาสจะเดินทางออกจากวัด อีกฝ่ายได้หยิบโฉนดที่นาที่จังหวัดกำแพงเพชรให้ชาวบ้านดู บอกว่าจะขายที่นา นำเงินมาชดใช้
นายพรชัย ผลงาม อายุ 51 ปี รองประธานกรรมการวัด บอกว่า ในวันที่ 15 พ.ค. ตนพร้อมคณะกรรมการวัดได้นั่งประชุมเพื่อจะเบิกเงินค่าลงเสาเข็มจากอดีตเจ้าอาวาส เพื่อที่นำเงินส่งให้กับผู้รับเหมาก่อสร้าง เพื่อต่อเติมวัด แต่ปรากฎว่าเงินไม่มี จากการสอบถามอดีตเจ้าอาวาส ก็ยอมรับว่านำไปใช้ส่วนตัวกว่า 8000,000 บาท นำไปเพื่อช่วยเหลืออาจารย์ผู้หญิงรายหนึ่ง เนื่องจากอาจารย์หญิงรายนี้เดือดร้อน และขอรับผิดแต่เพียงผู้เดียว
เมื่อวานนี้ ชาวบ้านกว่า 20 คน ได้เดินทางไปรวมตัวอยู่ที่วัด ตั้งแต่เวลา 9.30 น. เพื่อขอตรวจสอบทรัพย์สินของวัด เนื่องจากชาวบ้านเริ่มไม่ไว้ใจในตัวอดีตเจ้าอาวาส อดีตเจ้าอาวาสก็ได้ยอมรับว่านำพระพุทธรูปไปขาย แต่อีกฝ่ายไม่ได้บอกว่านำขายกี่องค์และได้เงินมาเท่าไร บอกเพียงนำเงินไปใช้ส่วนตัว ทั้งนี้ ที่ตนทราบมาพระพุทธรูปเนื้อสำฤทธิ์ ขนาดหน้าตัก 9 นิ้ว ปางสมาธิ ซึ่งอยู่คู่วัดมานานหลายสิบปี ก็ได้ถูกนำไปขายด้วย
ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาอดีตเจ้าอาวาสมีปัญหากับชางบ้านหลายครั้ง เนื่องจากครอบครัวของอดีตเจ้าอาวาสเคยย้ายมาอยู่ในจังหวัดอ่างทอง และได้เคยเข้ามาวุ่นวายกับกิจการของวัด อีกทั้งยังหยิบยืมของวัดใช้ไปแต่ไม่คืน
