ลูกชายขอร้องพาพ่อไปรักษา หลังแม่ป่วยโควิดตายคาบ้าน ทั้งที่ห่างรพ.แค่ 3 กม. (คลิป)

23 ก.ค. 64

เมื่อวันที่ 23 ก.ค. 64 ศบค.รายงานสถานการณ์โควิด-19 ภายในประเทศไทย ดังต่อไปนี้

477235

- พบติดเชื้อโควิดเพิ่มอีก 14,575 ราย
- รวมผู้ป่วยยืนยันสะสม 467,707 ราย
- หายป่วยเพิ่ม 7,775 ราย
- รวมหายป่วย 320,152 ราย
- รักษาอยู่รวม 143,744 ราย
- อาการหนัก 3,984 ราย
- ใส่เครื่องช่วยหายใจ 900 ราย
- เสียชีวิตเพิ่ม 114 ราย
- รวมผู้เสียชีวิตสะสม 3,811 ราย
- ฉีดวัคซีนแล้ว 15,388,939 โดส

759507

กรณีแฟนเพจเฟซบุ๊ก สายไหมต้องรอด เผยแพร่เรื่องราวเข้าให้ความช่วยเหลือผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นผู้ป่วยโควิด-19 ขั้นวิกฤต หลังจากไม่มีหน่วยงานใดให้ความช่วยเหลือผู้ป่วย กระทั่งทีมสายไหมต้องรอด นำทีม อพปร.เข้าไปช่วยปั๊มหัวใจนาน 15 นาที ท่ามกลางครอบครัวของผู้ป่วย แต่ก็ไม่สามารถยื้อชีวิตด้ และเสียชีวิตคาบ้าน

123105

ล่าสุดวันที่ 23 ก.ค.64 นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ช่วย ส.ส.เขตสายไหม และเจ้าของเพจสายไหมต้องรอด เปิดเผยว่า ตนและทีมงานสายไหมต้องรอด ได้รับแจ้งผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก มีครอบครัว ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งพักอาศัยด้วยกันทั้งหมด 7 คน ซึ่งติดเชื้อโควิด-19 และมีผู้ป่วยสูงอายุขั้นวิกฤต 1 ราย

โดยตนได้รับแจ้งวันที่ 22 ก.ค.64 ในช่วงเวลา 13.00 น. ทราบว่ามีผู้ป่วยติดอยู่ภายในบ้าน และผู้สูงอายุค่อนข้างวิกฤต เริ่มหายใจไม่ออก เนื่องจากค่าออกซิเจนในเลือดค่อนข้างต่ำ จึงได้จัดเตรียมนำถังออกซิเจนเข้าไปดำเนินการช่วยเหลือ และในช่วงเย็นผู้ป่วยไม่มีทีท่าว่าอาการจะดีขึ้น จึงนำเครื่องผลิตออกซิเจนมาให้กับผู้ป่วย เพื่อช่วยทำให้สามารถหายใจได้สะดวกมากขึ้น

107333

กระทั่งเวลา 21.00 น. ทางครอบครัวได้ติดต่อเข้ามาอีกครั้ง ระบุว่า ผุ้ป่วยเริ่มมีอาการทรุดหนัก จึงอยากให้เข้ามารับตัวผู้ป่วยไปส่งโรงพยาบาล ตนจึงได้นำทีมเข้าไปยังบ้านหลังดังกล่าวอีกครั้ง และตรวจค่าออกซิเจนในเลือดค่อนข้างต่ำมาก ๆ ตนมองว่าโรงพยาบาลอยู่ห่างจากบ้านผู้ป่วยเพียงแค่ 3 กิโลเมตร แต่โรงพยาบาลก็ไม่มีท่าทีที่จะเดินทางเข้ามาช่วยเหลือรับตัวผู้ป่วย อีกทั้งเคสนี้เป็นผู้ป่วยฉุกเฉินน่าจะควรรับตัวผู้ป่วยเข้ารับการรักษา ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเสียชีวิตในที่สุด

954174

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายังหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ได้พูดคุยกับ นายกำพล อายุ 36 ปี เปิดเผยว่า ครอบครัวของตนอาศัยด้วยกันทั้งหมด 7 คน ประกอบด้วยตนและคนอื่น ๆ ดังต่อไปนี้ 1.นายพีรพล อายุ 60 ปี คุณพ่อ 2.น.ส.กาญจนา อายุ 34 ปี ภรรยา 3.น.ส.อังคณา อายุ 54 ปี คุณแม่ ผู้เสียชีวิต 4.นายกันตพงศ์ อายุ 16 ปี 5.ด.ช.กิตติพล อายุ 9 ปี และ 6.ด.ช.กันตพล อายุ 3 ขวบ 8 เดือน

330214

ทั้งนี้พ่อและแม่ เริ่มมีอาการป่วยตั้งแต่วันที่ 16 ก.ค.64 และเดินทางเข้าไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 ทั้ง 7 คน ในวันที่ 18 ก.ค.64 โดยเป็นการตรวจผลแบบเร่งด่วน และทราบผลทันที พบว่า 5 คนภายในบ้านผลเป็นบวก ติดเชื้อโควิด-19 ยกเว้น ตนเอง และนายกันตพงศ์ ลูกชายคนโต และได้กลับมาพักที่บ้าน ป้องกันตัวเองภายในบ้านอย่างดี ไม่ออกจากบ้าน โดยมีเพื่อนบ้านคอยซื้ออาหารเข้ามาให้

735692

โดยตนและภรรยาได้ติดต่อประสานหาโรงพยาบาลตลอด แต่ได้การตอบกลับว่าไม่สามารถรับผู้ป่วยได้ กระทั่งวันที่ 22 ก.ค. 64 ตนประสานไปยังแฟนเพจสายไหมต้องรอด ได้นำถังออกซิเจน และเครื่องผลิตออกซิเจนมาให้คุณแม่และคอยช่วยประสานโรงพยาบาล

นอกจากนี้ ตนรู้สึกผิดหวังกับการบริหารจัดการของรัฐเป็นอย่างมาก เนื่องจากครอบครัวตรวจหาเชื้อมีผลตรวจว่าพบเชื้อแล้ว แต่โรงพยาบาลให้การปฏิเสธ ต้องให้แม่ของตนเสียชีวิตก่อนใช่หรือไม่ ถึงจะดำเนินการมารับตัวแม่ออกจากบ้านและนำศพไปฌาปนกิจ กระทั่งแม่ก็ต้องมาเสียชีวิต และได้ทำพิธีที่วัดเกาะสุวรรณาราม ในช่วงเวลาประมาณ 11.00 น.

945907"ตอนนี้ขอเพียงแค่นำตัวคุณพ่อไปรักษาก่อน เนื่องจากอายุท่านมากแล้ว และมีอาการไออยู่ตลอด อาการหนักหายใจลำบาก และเหนื่อยหอบ วันนี้ผมก็ได้นำอุปกรณ์ตรวจโควิด-19 ที่เป็นการตรวจด้วยตนเอง มาตรวจอีกครั้ง หากผมพบเชื้อก็จะเดินทางไปตรวจหาเชื้อด้วยผล RT-PCR หวังว่าจะนำผลตรวจไปยื่นเพื่อให้สามารถประสานหาเตียงได้" ลูกชายผู้เสียชีวิต กล่าว

350775

น.ส.อัชราวรรณ สมบูรณ์วงศ์ อายุ 48 ปี เพื่อนบ้าน กล่าวว่า บ้านหลังนี้ไม่ใช่เป็นบ้านหลังแรกที่พบเชื้อโควิด-19 ในหมู่บ้าน ก่อนหน้าก็มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในหมู่บ้านแล้ว แต่เป็นซอยอื่น ซึ่งครั้งนี้ถือว่าใกล้ตัวมาก ๆ เนื่องจากอยู่ตรงข้ามบ้านของตน โดยตั้งแต่อยู่หมู่บ้านนี้มาได้ประมาณ 1-2 ปี ตนก็ระวังตัวตลอด ไม่ค่อยได้พบปะสุงสิงกับเพื่อนบ้านคนอื่น ๆ ส่วนใหญ่ก็จะตะโกนพูดคุยมากกว่า

938209

"หลังรู้ว่าพบเชื้อ ไม่มีใครภายในบ้านหลังนั้นออกจากบ้านเลย ก็จะมีเพื่อนบ้าน คอยช่วยเหลือ ซื้ออาหารให้ ตอนนี้ก็ต้องระวังตัวเองมากกว่าเดิม จึงอยากขอให้หน่วยงานเข้ามาฉีดพ่นทำความสะอาด ฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อโรคในหมู่บ้านให้ทุกอาทิตย์ ประชาชนจะได้สบายใจและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น" เพื่อนบ้าน กล่าว

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส