จากกรณีเมื่อเวลา 11.00 น. ของวันที่ 19 ก.ค. 64 พ.ต.ท.สำราญ ดินเต็ม สว.(สอบสวน) สภ.สิเกา ได้รับแจ้งเหตุ พบศพหญิงถูกยิงเสียชีวิต ภายในรถยนต์กระบะพื้นที่ หมู่ 1 ต.กะลาเส อ.สิเกา จ.ตรัง หลังรับแจ้งจึงเดินทางตรวจสอบที่เกิดเหตุโดยที่เกิดเหตุเข้าไปภายในสวนยางพารา และปาล์มน้ำมัน ห่างจากถนนกะลาเส-ควนกุน เข้าไปกว่า 10 กม.
ที่เกิดเหตุภายในสวนปาล์มน้ำมัน พบรถยนต์กระบะจอดติดอยู่กับต้นปาล์มน้ำมัน เบาะนั่งฝั่งคนขับพบร่างของ น.ส.อรอุมา สุรัติศักดิ์ อายุ 42 ปี อาชีพทำสวน นอนหงายหน้าอยู่ สภาพร่างโชกด้วยเลือด ถูกยิงด้วยอาวุธปืนยาวไทยประดิษฐชนิดลูกกรด ไม่ทราบขนาดกระสุนเจาะเข้าที่บริเวณต้นคิ้วด้านขวาฝังใน
ทราบชื่อผู้ก่อเหตุคือ นายสมชาย มิตรสาร อายุ 54 ปี สามีนอกสมรสกับผู้ตาย ยิงภรรยาต่อหน้าลูกสาววัย 9 ขวบ ก่อนที่จะอุ้มลูกสาวไปฝากไว้กับญาติที่อยู่ในละแวกเดียวกัน แล้วหลบหนีไป
ล่าสุด วันที่ 20 ก.ค. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่หมู่ 1 ต.กะลาเส อ.สิเกา จ.ตรัง บ้านของนายสมชาย มิตรสาร ผู้ก่อเหตุ ซึ่งบ้านของนายสมชายอยู่ติดกับบ้านของน้องสาว และบ้านของแม่ รอบบ้านเป็นสวนยาง ไม่มีบ้านคน ไม่มีกล้องวงจรปิด ส่วนที่เกิดเหตุอยู่ในสวนปาล์ม ห่างจากบ้านประมาณ 5 กิโลเมตร
นางราศรี มิตรสาร อายุ 75 ปี แม่ของผู้ก่อเหตุ บอกว่า วันนี้ตั้งแต่ช่วงเช้าตำรวจได้เชิญตัวไปสอบปากคำเกี่ยวกับสาเหตุที่เกิดขึ้น ซึ่งตนเองก็ยืนยันกับตำรวจไปว่าไม่รู้เรื่องว่าลูกชายไปก่อเหตุยิงนางอรอุมา ผู้ตาย ด้วยเรื่องอะไร เพราะว่าตนไม่ได้เจอกับลูกชายมานานแล้ว เหตุผลที่ไม่ได้เจอกันเลยก็เพราะว่าหลังลูกชายพ้นโทษออกมาจากคุก ลูกชายได้กลับไปคบหากับผู้ตาย ตัวผู้ตายเองเคยมีปัญหากับทางครอบครัวตนมาตลอด
เมื่อช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ผู้ตายมีปัญหาทะเลาะกับลูกสาวคนเล็กของตนอย่างรุนแรง ถึงขั้นลงไม้ลงมือตบตีกัน เหตุการณ์นั้นตนก็อยู่ในเหตุการณ์ แต่ลูกชายไม่ได้อยู่ หลังจากเคลียร์กันจบในวันนั้น ผู้ตายไม่ยอมจบ เอาเรื่องไปฟ้องกับลูกชาย หาว่าตนกับลูกสาวแล้วก็คนที่บ้านไปรุมทำร้าย จนทำให้ลูกชายมีปัญหากับตน ถึงขนาดต้องไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันเอาไว้
จากนั้น ตนก็ยื่นคำขาดกับลูกชายว่า "หากยังจะคบหากับนางอรอุมาต่อ ก็ไม่ต้องมาอยู่ที่บ้าน ตัดขาดกันไปเลย ไม่ต้องมาเผาผีกัน" หลังจากนั้นนายสมชายก็ไม่กลับมาที่บ้านอีกเลย จนกระทั่งเมื่อวานนี้ มารู้ข่าวว่าลูกชายไปยิงนางอรอุมาตายที่สวนปาล์มก็ตกใจ ตำรวจเชิญไปสอบปากคำ ตนก็ให้ปากคำไปด้วยความจริงว่าไม่ได้เจอกับลูกชายมานานแล้ว
ส่วนตัวยอมรับว่ารู้ว่าลูกชายคบหากับผู้ตายที่มีสามีอยู่แล้ว ตนเคยเตือนลูกชายมาตลอดว่า "การที่ทำแบบนี้ผิดศีลธรรม เลิกได้ก็เลิกนะ" แต่ลูกชายก็บอกว่า "ผมไม่ได้ไปหาเขา เขามาหาผมเอง" ส่วนเด็ก 9 ขวบที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ที่บอกว่าเป็นลูกของผู้ตายกับลูกชายของตน ตนเชื่อแค่ 50 เปอร์เซ็นต์ว่าเป็นหลานของตน เพราะไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเขาไปมีลูกกันตอนไหน ตอนที่ลูกชายพาเด็กมาหา เด็กก็พูดได้แล้ว
สำหรับเรื่องที่ลูกชายติดคุกก็เป็นเรื่องยาเสพติด 2 ปีที่แล้ว เหตุการณ์นั้นลูกชายไปขับรถแหกด่านตำรวจ แล้วก็โดยจับยาบ้าจำนวน 2 เม็ด ติดคุกไป 2 ปี เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้ตายด้วย อยากจะขอโทษครอบครัวผู้ตายแทนลูกชาย อยากจะบอกลูกชายว่าทำผิดไปแล้วก็ขอให้มามอบตัว แม่ไม่เคยโกรธลูก สิ่งที่ลูกทำไม่ดีกับแม่ แม่จะยกโทษให้ทั้งหมด เพราะยังไงก็เป็นแม่ลูกกัน
ทีมข่าวเดินทางมาที่บ้านของผู้ตาย ต.บางกุ้ง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง นายพีระศักดิ์ อายุ 54 ปี สามีของนางอรอุมาตามกฎหมาย เปิดใจว่า ตนคบหากับนางอรอุมา แต่งงานกันมาได้ 24 ปีแล้ว ยืนยันว่าตนกับนางอรอุมาไม่เคยแยกทางหรือเลิกลากัน แต่รู้ว่าภรรยาปันใจไปให้นายสมชาย แล้วก็แอบคนหากันได้ประมาณ 10 ปีแล้ว แอบคบหากันจนมีลูกสาววัย 9 ขวบ
ซึ่งเมื่อ 10 ปีที่แล้วภรรยาได้ตั้งครรภ์กับนายสมชาย หลังจากภรรยาตั้งครรภ์ได้ไม่กี่เดือน นายสมชายก็ติดคุก ทำให้ตนต้องรับผิดชอบและรับรองบุตรที่เกิดจากนายสมชายมาเป็นลูกของตน ตั้งแต่ภรรยาคลอดออกมาจนกระทั่งเวลาผ่านไปประมาณ 4 ปี นายสมชายก็ออกมาจากคุก ภรรยาของตนก็กลับไปคบหา ไปมาหาสู่กับนายสมชายอีก แต่ด้วยคำว่ารัก ตนก็ได้แต่ทำใจ ที่ผ่านมาตนก็เตือนภรรยาตลอดว่าให้ระวังตัว เพราะภรรยาเคยบ่นให้ฟังว่านายสมชายเป็นนักเลง เป็นคนโมโหร้าย
ตนยอมรับว่าไม่เคยเจอหน้าหรือพูดคุยกับนายสมชายสักครั้ง ที่ผ่านมาตนเปิดใจให้ภรรยามาโดยตลอด ยอมให้เขาคบกัน แต่ก็ไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น วันเกิดเหตุคำสุดท้ายที่ได้คุยกับภรรยา ภรรยาขอพาลูกสาวไปหานายสมชาย บอกว่าจะพาลูกไปเอาโทรศัพท์ที่นายสมชายซื้อไว้ให้ลูกสาว แล้วก็บอกว่าเดี๋ยวจะกลับมา ไปไม่นาน มารู้ข่าวอีกทีจากแม่ว่าภรรยาถูกนายสมชายยิงตาย ก็รู้สึกตกใจ ทำอะไรไม่ถูก ช็อกไปเลยในตอนนั้น
หลังจากนี้ ก็คงต้องดูแลลูกต่อไปตามลำพัง สำหรับนายสมชาย ส่วนตัวอโหสิกรรมให้ ก็คิดว่านายสมชายอาจจะไม่ได้ตั้งใจยิงภรรยา เพราะคิดว่าคงจะเป็นเหตุสุดวิสัย ลูกสาวมาเล่าให้ฟังว่าตอนเกิดเหตุ นายสมชายกับภรรยายื้อแย่งปืนกันจนทำให้ปืนลั่น ส่วนจริงเท็จตนก็อยากให้นายสมชายเข้ามอบตัวกับตำรวจ แล้วก็บอกความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ด.ญ.น้ำขิง อายุ 9 ขวบ ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ลูกของผู้เสียชีวิตและผู้ก่อเหตุ เล่าให้ตำรวจและญาติฟังว่า วันเกิดเหตุแม่ได้พาไปเอาโทรศัพท์กับพ่อที่สวนปาล์ม เวลาผ่านไปสักพักแม่มารู้ว่าพ่อแอบไปคบกับผู้หญิงอีกคน แล้วก็ทะเลาะมีปากเสียงกัน หลังจากนั้นแม่ก็โกรธ แม่เลยจะพาตนกลับบ้าน จากนั้นแม่ก็จูงมือตนขึ้นรถ แต่พ่อได้ถือปืนตามแม่มา เดินไปฝั่งคนขับแล้วก็มีปากเสียงกับแม่ในรถ แย่งปืนกันจนกระทั่งปืนลั่นใส่หัวแม่ แต่ที่เห็นแม่เป็นคนจับปืนแล้วก็ลั่นไกใส่หัวแม่เอง
หลังจากนั้นพ่อก็โทรหาน้าบี บอกให้น้าบีมารับตน แต่น้าบีไม่มา พ่อจึงไปส่งตนไว้ที่บ้านน้าบี จากนั้นพ่อก็ขับรถหายไป ตอนนั้นบอกน้าบีไปแล้วว่า "แม่ตายอยู่ที่สวนปาล์ม" แต่น้าบีไม่กล้าบอกใคร จนน้าบีมาส่งที่บ้านแล้วก็บอกกับสามีของแม่ว่าแม่ตายอยู่ที่สวนปาล์ม
ด้านนายเคารพ รัตตมณี อายุ 78 ปี พ่อบุญธรรมของผู้ตาย บอกว่า ที่ผ่านมาทางครอบครัวไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่านางอรอุมา ผู้ตาย คบกับคนก่อเหตุ รู้แค่ว่ามีสามีที่แต่งงานกันแค่คนเดียว ส่วนตัวนางอรอุมาไม่ค่อยได้กลับมาที่บ้าน นาน ๆ จะมา ก่อนวันเกิดเหตุ ประมาณวันที่ 10 ก.ค. นางอรอุมาเดินทางกลับมาที่บ้าน มาหาพ่อกับแม่ ตอนจะกลับมีลางบอกเหตุ ขณะที่นางอรอุมาจะเดินไปขึ้นรถ พระที่นางอรอุมาสวมใส่ไว้ที่คอหลุดลงมาที่พื้น ตนเห็นก็พยายามจะตะโกนบอก แต่นางอรอุมาก็ขับรถออกไปก่อน
หลังจากนั้น ตนก็โทรไปบอกว่าทำพระตกไว้ ให้ย้อนกลับมาเอาไป แล้วระวังตัวด้วย เพราะแบบนี้มันเป็นนลางไม่ดี แต่นางอรอุมา บอกว่าฝากไว้ก่อนเดี๋ยวว่างจะมาเอาคืน แล้วก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นจริง
